ออกตระเวนไปในประเทศเพื่อนบ้านแถบอาเซียนที่เลยไปถึงจีนในรอบล่าสุดของโครงการ “ล้อเดียวเที่ยวต่างแดน” ที่กลุ่มล้อเดียว “เด็กซนกลุ่มนนท์” โดย กานดา วงษ์รักษา และ นิรดา จุลโลบล ผู้บริหารออโตวิชั่นแอนด์ทราเวล ช่วยกันทำให้เป็นจริง

การจะเดินทางไปยังดินแดนสิบสองปันนา หากเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป อาจแค่ลำบากตรงที่ต้องขึ้นเครื่องบินต่อจากคุนหมิง แต่ที่สะดวกกว่าในห้วงเวลานี้คือ รถไฟความเร็วสูงที่พาขึ้นไปได้ไกลถึงคุนหมิงจากชายแดนลาวที่ติดกับไทย โดยมีสิบสองปันนาอยู่ระหว่างเส้นทาง แต่สำหรับชาวล้อเดียวแล้วนี่กลับเป็นอุปสรรคมากกว่า เพราะอุปกรณ์อย่างล้อเดียวที่เป็นเครื่องยนต์ไฟฟ้าไม่สามารถนำขึ้นรถไฟโดยสารไปด้วยได้ การเดินทางผ่านชายแดนไทยที่เชียงของแล้วนั่งรถต่อไปยังสิบสองปันนาจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า โดยรถขนล้อเดียวที่ล่วงหน้าจากกรุงเทพฯ ไปคอยท่าก็พร้อมที่จะไปต่อกับคณะได้ง่ายขึ้น

หนึ่งในจุดหมายที่ทุกคนเฝ้ารอในการดั้นด้นมาถึงสิบสองปันนา หรือเมืองเชียงรุ้งแห่งนี้ก็คือ “ไร่ชาต้ามู่กังหมื่นมู่” ไร่ชาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่เชื่อมต่อกันเป็นหมื่นไร่ ทิวทัศน์สวยงาม ที่นี่นอกจากผลิตชาแล้วยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใคร ๆ ก็อยากมาด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากความสวยงามของไร่ชาแล้ว ยังมีถนนสีรุ้งสดใสรอบภูเขา

ชาวล้อเดียวตั้งขบวนเป็นคาราวานออกเดินทาง เสียงสื่อสารผ่านวิทยุส่วนตัวของแต่ละคนเริ่มดังขึ้นเพื่อคอยแจ้งเตือนกันและกัน เพราะในไร่ชาแห่งนี้พื้นที่โดยรอบเป็นหมู่บ้านที่มีชุมชนอาศัยอยู่ ทุกคนจึงต้องเล่นล้อด้วยความระมัดระวังตลอดระยะทางวนรอบเกือบ 20 กม. บางคนเลือกจะไปขี่ล้อเล่นต่อในชุมชน ขณะที่บางกลุ่มเลือกจะชิมชาและแวะซื้อของพื้นเมืองจากชาวบ้านในตลาด สนุกกับการสื่อสารและเรียนรู้วัฒนธรรมทั้งภาษามือและภาษาจีน

ไม่ใช่แค่เพียงเส้นทางสวยงามเล่นล้อแบบสบาย ๆ ไปตามถนนที่ขึ้นลงไปตามเนินเขาเท่านั้น แต่ทริปนี้ทุกคนยังได้สนุกกับเส้นทางเทรลหรือทางฝุ่นเป็นระยะ อย่างเส้นทางเข้าไปยังนํ้าตกเปิดใหม่ของเมืองเชียงรุ้ง เส้นทางเข้าไปถือว่าลำบากพอควรขนาด
รถยังไปไม่ไหว แต่กลุ่มล้อเดียวยังคงเดินทางได้แบบคล่องแคล่ว แม้จะมีบางคนที่พลาดไปบ้างแต่ก็ไม่เจ็บอะไรมาก

“ที่ทุกคนออกมาขี่กันแบบนี้ได้ต้องมีประสบการณ์มากแล้วครับ ทุกเส้นทางลุยกันได้หมด ส่วนมากต้องเคยล้มกันมาก่อนทั้งนั้นก่อนจะแข็งแกร่ง แต่สิ่งหนึ่งเลยที่ขาดไม่ได้สำหรับขี่ล้อคืออุปกรณ์เซฟตี้ต้องครบ เพราะมันคือสิ่งเดียวที่จะช่วยคุณได้” เฮียเฟิร์ส หนึ่งในผู้ร่วมทางบอกเล่า

เจ้าถิ่นบอกว่านํ้าตกแห่งใหม่นี้คนเชียงรุ้งเองก็ยังไม่ค่อยได้เข้ามากันมากนัก เพราะยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ ว่ากันว่าในช่วงนํ้าเยอะที่นี่จะสวยมาก แต่ในที่ชาวล้อเดียวเข้าไปถึงแม้นํ้าจะน้อยแต่บรรยากาศก็ทำให้ทุกคนผ่อนคลาย

นอกจากการเล่นล้อแล้ว ชาวล้อเดียวยังมีโอกาสได้ไปชมการแสดงใน “โรงละครไดซิว” โรงละครเก่าแก่ที่ยังจัดแสดงโชว์พาราณสีเป็นประจำทุกวัน การแสดงแสงสีเสียงสุดยิ่งใหญ่ใช้นักแสดงจำนวนมาก แต่ละชุดสุดอลังการ ว่ากันว่าที่นี่ได้รับการปรับปรุงตลอดเพื่อให้ยังใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนักท่องเที่ยวเองก็ยังเดินทางมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ บริเวณรอบโรงละครมีร้านอาหารและถนนคนเดินที่มีของขายที่หนักไปทางอาหารการกินซะส่วนใหญ่ให้เดินเล่นยามคํ่าคืนได้ด้วย

เพราะชาวไทลื้อที่อาศัยอยู่จำนวนมากในพื้นที่ที่มักจะพูดคุยด้วยภาษาไทยที่คล้ายไปทางภาษาเหนือเมื่อได้พบปะกับคนไทยเสมอ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีแม่ค้าทักทายอย่างเป็นกันเองด้วยภาษาไทลื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไทลื้อที่อยู่ในหมู่บ้าน

กลุ่มล้อเดียวเดินทางเข้ายังหมู่บ้านไทลื้ออย่างเป็นระเบียบขี่รอบหมู่บ้าน เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมที่ยังเข้มแข็งของชาวบ้าน บ้านส่วนใหญ่ยังเป็นแบบเดิมคือบ้านไม้หลังใหญ่มีเสาหลายต้น ซึ่งจำนวนเสาจะบ่งบอกถึงสถานะยิ่งหลายต้นยิ่งรํ่ารวย แต่ส่วนหนึ่งก็แปรเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยวขณะที่วัดวาอารามก็ดูไม่ต่างกันกับประเทศไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ

ที่สิบสองปันนาก็มีประเพณีสงกรานต์เช่นเดียวกับไทย ทุกปีที่เมืองนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจำนวนมากเพื่อเล่นนํ้าสงกรานต์ในลานแสดงวงเวียนช้างจุดศูนย์กลางของชุมชน รอบหมู่บ้านจะเต็มไปด้วยชุดพื้นเมืองผู้คนยังรู้สึกภูมิใจกับชุดพื้นถิ่นของเขา กลุ่มล้อเดียวเองก็แต่งตัวมาไม่ต่างกันกับชาวจีน การเล่นนํ้าของที่นี่ไม่สาดกันริมถนนแต่ทุกคนจะซื้อบัตรแล้วเข้าไปเล่นนํ้ารวมกันภายในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ให้ ทุกคนจะตั้งหน้าตั้งตาสาดใส่กันไม่ยั้งหนึ่งรอบสี่สิบนาทีก็เพียงพอจะให้ทุกคนสนุกกันอย่างเต็มที่แล้ว ไม่มีการเล่นแป้ง

แล้วก็ถึงเวลาที่ความสนุกในแผ่นดินจีนสิ้นสุดลง แต่การเดินทางของล้อเดียวยังไม่จบเท่านี้ เพราะยังมีเส้นทางในลาวให้ได้
สนุกกันต่อ หลังข้ามแดนที่บ่อเต็นมุ่งหน้าสู่หลวงนํ้าทา ล้อเดียวทุกคันก็พร้อมออกผจญภัยกันอีกครั้ง ในดินแดนลาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่เหมือนที่จีนเพราะบนถนนจะมีการสาดนํ้าเป็นจุดไม่ต่างจากบ้านเรา ดังนั้นชาวล้อเดียวต้องดูแลกันเองบางคนก็เลือกจะใช้พลาสติกหุ้มไว้เพื่อป้องกันนํ้าเข้าแผงวงจร

เส้นทางที่หลวงนํ้าทาค่อนข้างสนุกเพราะเป็นเส้นทางฝุ่นสลับทางลาดยาง แต่ละคนจึงได้โอกาสโชว์ลีลา ทักษะแบบนักแข่ง เพราะบางคนในกลุ่มนี้ก็เพิ่งได้แชมป์มาอย่างพี่ตุ้ย ผู้ใหญ่ใจดีที่ร่วมทริปกันมาตั้งแต่ครั้งแรก เป็นคนที่หลงรักการเล่นล้อมานานใช้ชีวิตช่วงเกษียณจากงานประจำได้อย่างมีความสุข จัดเตรียมของเอาไว้ให้ลูกน้องออกไปงาน ตัวเองก็มีเวลาได้เที่ยวกับกลุ่มล้อเดียว

“ตอนนี้มีล้อเต็มบ้านลูกหลานเล่นกันเป็นหมด มาทริปนี้ผมสนุกมากครับผมได้เห็นน้อง ๆ มีความสุขหยอกล้อกันผมก็มีความสุข เป็นกิจกรรมที่ดีเลยครับ การเดินทางครั้งนี้เหมือนเป็นการท่องเที่ยวไม่ใช่ต้องขี่กันเต็มที่เหมือนแข่งไปเรื่อย ๆ ก็มีความสุขได้ครับ”

บนเส้นทางเมืองหลวงนํ้าทานอกจากสักการะพระธาตุแล้ว แสงสุดท้ายในชนบทก่อนเข้าเมืองก็สวยน่าประทับใจไม่แพ้กันทุกคนขี่กันเป็นระเบียบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้ออกทริปร่วมกันมาหลายหนทั้งในและต่างประเทศจึงทำให้เข้าใจกัน สุดปลายทางเรื่องเล่าบนโต๊ะอาหารยังมีแต่เสียงหัวเราะอีกคืนในดินแดนลาว ชาวบ้านเล่นนํ้าครึกครื้นเสียงดนตรีจังหวะเดียวกันกับไทยสนุกสนานไม่ต่างกัน มีเพียงตลาดเช้าที่กลับเงียบสงบวิถีช้าเนิบยังคงดำเนินต่อไปตามจังหวะเวลา ก่อนที่การเดินทางครั้งนี้จะจบลงจริง ๆ ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย

“ผมไม่อยากเชื่อว่าการเล่นล้อเดียวจะพาผมออกเดินทางมาไกลได้ขนาดนี้ มันเกินสิ่งที่ผมคิดจริง ๆ ผมเจอเพื่อนใหม่ได้ประสบการณ์ได้นํ้าใจจากหลาย ๆ คนผมขอบคุณจริง ๆ” หนึ่งในสมาชิกกลุ่มล้อเดียวที่ออกเดินทางมาด้วยกันตั้งแต่ทริปแรกบอกความในใจทั้งนํ้าตา.

อธิชา ชื่นใจ