จากกรณี มีนักกฎหมายไปออกรายการทีวีชื่อดังแล้วมีการกล่าวถึง อัยการรายหนึ่ง โดยอ้างว่า ไม่ยอมให้ความคำปรึกษา ไม่ให้ความช่วยเหลือแก่พม. ในการยื่นคำร้องต่อศาลกรณี “ลัทธิเชื่อมจิต” ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. นางวรรณา วิพลชัย อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ์สุราษฎร์ธานี (อจคช.) ได้มีหนังสือถึง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดรายงานกรณี นายXXX ได้กล่าวพาดังในรายการทีวี โดยมีใจความบางส่วนระบุว่า อัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายฯจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ให้คำปรึกษา ไม่ให้ความช่วยเหลือแก่พม.และไม่แนะนำพม.ในการยื่นคำร้องต่อศาลในกรณีลัทธิเชื่อมจิตนั้น ดิฉัน นางวรรณา วิพลชัย ขอยืนยันว่าคำกล่าวของ นายXXX ไม่เป็นความจริง โดยดิฉันขอชี้แจงดังนี้

1.หน้าที่หลักของอัยการคุ้มครองสิทธิฯคือการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ประชาชนมิใช่หน่วยงานของรัฐและไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในคดีเยาวชน ยิ่งไปกว่านั้นดิฉันมิได้มีตำแหน่งอยู่ในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามพรบ.คุ้มครองเด็ก พศ. 2546 ส่วนสำนักงานอัยการที่ให้คำปรึกษากฎหมายแก่หน่วยงานของรัฐนั้นเป็นสำนักงานอัยการอื่นซึ่งมีอยู่หลายสำนักงานขึ้นอยู่กับประเภทของคดี อย่างเช่นในกรณีลัทธิเชื่อมจิตนี้สำนักงานอัยการคดีเยาวชนฯจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงในการให้คำปรึกษาและยื่นคำร้องในกรณีนี้

2.แม้ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงแต่ดิฉันในฐานะอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายฯจังหวัดสุราษฎร์ธานี(อัยการจังหวัด สคช )ก็ให้คำปรึกษาแก่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี(พม.)ด้วยความเต็มใจและเต็มกำลังความสามารถมาโดยตลอดทุกครั้งที่ได้รับการร้องขอจากพม. และเคยแจ้งให้พม.ทราบแล้วว่า อัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดสุราษฎร์ธานีสนับสนุนให้พม.ใช้อำนาจศาลในการแก้ปัญหาลัทธิเชื่อมจิต โดยอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดสุราษฎร์ธานีพร้อมให้คำปรึกษาในการยื่นคำรองต่อศาล เพียง แต่สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิฯจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการยื่นคำร้องเอง

3.ดิฉันได้ประสานงานและพูดคุยให้คำปรึกษากับพม.และรองอธิบดี พม. มาโดยตลอด บางครั้งใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง โดยการติดต่อทางทางไลน์และวีดีโอคอล แม้จะอยู่นอกเวลาราชการดิฉันก็ให้คำปรึกษาแนะนำข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการยื่นคำร้อง นอกจากนี้ดิฉันได้ชี้แจงข้อกฎหมายและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในการยื่นคำร้องพร้อมส่งคลิปที่จะใช้แนบในการยื่นคำร้องให้พม.ด้วย เจ้าหน้าที่พม.เคยแจ้งกับดิฉันว่าพม.จะส่งคำร้องที่จะยื่นคำร้องกับศาลมาให้ดิฉันตรวจ แต่สุดท้าย พม.ก็ไม่ได้ส่งคำร้องใด ๆ มาให้ดิฉันตรวจ จนกระทั่งดิฉันทราบต่อมาว่าพม.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลด้วยตนเองแล้ว ตามที่ปรากฎเป็นข่าว รายละเอียดปรากฎตามข้อความทางแชทไลน์ที่ได้แนบมาด้วยแล้ว

4.ดิฉันขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิเชื่อมจิตเพราะโดยส่วนตัวไม่เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์

5.หากนายXXX ยังไม่หยุดกล่าวพาดพิงดิฉัน ดิฉันจะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เพจที่ชอบปล่อยข่าวลือในเฟซบุ๊กนำภาพของ นางวรรณา ที่มีเบลอหน้าบาง ๆ พร้อมใส่ชื่อตำเเหน่งของ นางนางวรรณา ไปลงในเพจทำให้มีประชาชนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง.