เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567 สำนักข่าวหลายแห่งของออสเตรเลียรายงานข่าวของ ฟิลิป โรดส์ แห่งบริษัทเซาเทิร์นไครโอนิกส์ ผู้ให้บริการรับรักษาสภาพศพด้วยเทคโนโลยีแช่แข็งจากออสเตรเลียได้ประกาศว่าพวกเขาดำเนินการแช่แข็งร่างของลูกค้ารายแรกได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว 

ลูกค้ารายนี้เป็ชาววัย 80 ปีเศษจากเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย เพิ่งเสียชีวิตเมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา โรดส์ กล่าวว่ากระบวนการแช่แข็งเป็นไปอย่างระมัดระวังและจริงจังมาก และทำให้เขาเครียดไม่น้อย เนื่องจากขั้นตอนแต่ละวันมีความซับซ้อนแตกต่างกันไป อีกทั้งยังมีโอกาสสูงที่จะเกิดความผิดพลาด ถ้าหากขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ได้มีการเตรียมการไว้อย่างถูกต้องเหมาะสม

โรดส์ เล่าว่าก่อนหน้านี้มีลูกค้ารายอื่นที่มีแนวโน้มว่าจะได้ใช้บริการเป็นคนแรก แต่กลายเป็นว่า ลูกค้ารายแรกตัวจริงมาจากครอบครัวที่ไม่ได้สมัครสมาชิกกับบริษัทไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ทีมงานมีเวลาเตรียมขั้นตอนต่าง ๆ เพียงสัปดาห์เดียว

ลูกค้ารายแรกของพวกเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในซิดนีย์ ครอบครัวของเขาติดต่อมาทางบริษัทอย่างปัจจุบันทันด่วน จากนั้นกระบวนการแช่แข็งศพก็เริ่มต้นในทันที ด้วยค่าใช้จ่ายประมาณ 170,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 4.12 ล้านบาท)

ร่างของชายชราได้รับการเคลื่อนย้ายจากโรงพยาบาลมายังห้องรักษาความเย็นของบริษัทซึ่งเต็มไปด้วยน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็จะย้ายร่างของเขาไปยังศูนย์ปฏิบัติการซึ่งจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญบรรจุสารเคมีเหลวเข้าไปในร่างกายของเขาเพื่อรักษาสภาพเซลล์ไม่ให้เสื่อมสลาย

หลังจากขั้นตอนนี้ ร่างของลูกค้าจะโดนห่อหุ้มไว้ด้วยน้ำแข็งแห้ง เพื่อลดอุณหภูมิให้เย็นลงจนถึงระดับ -80 องศาเซลเซียส ก่อนที่จะส่งไปยังศูนย์ฮอลบรูคของบริษัทเซาเทิร์นไครโอนิกส์ในวันถัดมา 

เมื่อร่างของลูกค้ามาถึง ก็จะมีกระบวนการลดอุณหภูมิของร่างของลูกค้าลงอีกให้อยู่ในระดับ -200 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นก็จะนำร่างไปเก็บไว้ในที่บรรจุแบบสุญญากาศ

ก่อนหน้าที่จะลงมือกับร่างของลูกค้าตัวจริง ทางบริษัทได้ทดลองกับตัวอย่างมาแล้วหลายครั้งซึ่งล้วนแต่ให้ผลที่น่าพอใจ ทำให้กระบวนการต่าง ๆ ผ่านไปอย่างราบรื่นเมื่อลงมือทำจริง 

การแช่แข็งร่างกายผู้เสียชีวิตนี้เป็นไปตามแนวคิดที่เชื่อว่าในอนาคตอีกหลายร้อยปีข้างหน้า เทคโนโลยีของมนุษยชาติจะเจริญมากพอที่จะช่วยทำให้ผู้เสียชีวิตฟื้นคืนชีพมาได้ พร้อมร่างกายที่แข็งแรงและสมองที่เต็มไปด้วยความรู้และความทรงจำของร่างเดิมทั้งหมด

ที่มา : abc.net.auladbible.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES