เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 พ.ค. ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด พร้อมด้วยคณะกรรมการและผู้บริหาร ร่วมกันแถลงข่าว 2 ปีการดำเนินงานของกรุงเทพธนาคม ภายใต้นโยบายจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ตามแนวทาง “9 ด้าน 9 ดี” เพื่อยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ของชาว กทม. ในทุกๆ ด้านอย่างยั่งยืน ซึ่ง กรุงเทพธนาคม ได้กำหนดนโยบายสนับสนุนใน 3 ด้านหลักๆ คือ โปร่งใสดี เดินทางดี สิ่งแวดล้อมดี เพื่อสร้างความยั่งยืนในการเป็นวิสาหกิจภายใต้ กทม. ที่ตอบสนองนโยบายได้อย่างเข้มแข็งมั่นคงต่อไปในอนาคต 

ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมาภายใต้คณะกรรมการชุดปัจจุบันได้ตอบสนองนโยบายจากผู้ว่าฯ กทม. โดยมุ่งเน้นการสร้าง Foundation ที่ทำให้บริษัทมีหลักธรรมาภิบาล และความโปร่งใสภายใต้การกำกับดูแลของ กทม.ควบคู่ไปกับการร่วมพัฒนาเมืองสู่มหานครแห่งการเดินทางอัจฉริยะ และ พัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเร่งแก้ไขปัญหาโครงการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อ กทม. เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาคณะกรรมการมีความพอใจในความคืบหน้าและความสำเร็จเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ตั้งแต่การสร้าง การกำกับดูแล ผ่านคณะกรรมการชุดย่อยต่างๆ ที่เข้มแข็ง มีคุณภาพ การนำองค์กรเข้าเป็นแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) 


และเข้าร่วมโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาคเอกชนที่เป็นคู่ค้าคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐ ของ ป.ป.ช. หรือ โครงการ ITAGC  เพื่อประเมินความโปร่งใสในโครงการกำจัดและเก็บขนมูลฝอยติดเชื้อ ที่ได้รับผลการประเมิน ระดับ AA ได้คะแนน 96.05 ในปี 66 และในปี 67 ในการประเมินโครงการพัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษม


อีกทั้งบริษัทยังปรับเปลี่ยนมาใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียต่อสาธารณะ TFRS for PAEs เป็นมาตรฐานเดียวกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขในงบการเงินสามารถสะท้อนฐานะและผลการดำเนินงานของกิจการได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส มีความน่าเชื่อถือ  


“แนวทางการทำงานที่ผ่านมาครึ่งทางแล้ว ส่วนในอีก 2 ปีข้างหน้าก็คือ 1.จะพยายามวางระบบการทำงานที่เป็นปัญหาอุปสรรคในอดีตให้มีความเป็นระบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่คาราคาซังอยู่นั้น 2 ปีนี้ต้องเคลียร์ให้จบ รวมถึงเร่งปรับปรุงแก้ไขโครงการโรงไฟฟ้าขยะ 800 ตันที่อ่อนนุชให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและมีการพัฒนาการนำเทคโนโลยีระบบใหม่เข้ามาเป็นตัวเลือกโดยเฉพาะแอปพลิเคชันในการเรียกวินมอเตอร์ไซค์ เรื่องของการที่จะให้บริการในคลองจากฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยาหรือ EV Taxi Boat หรือระบบการโต้ตอบข้อมูลข่าวสารระหว่างประชาชนกับกรุงเทพมหานคร BKK Chat AI ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแนวโน้มไปทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะนำเข้ามาใช้ ซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่เราจะทำภายในปีนี้ และหวังว่าเมื่อจบเทอมของกรรมการชุดนี้ ระบบเหล่านี้จะเสถียรและก็สามารถให้ประโยชน์ใช้งานได้จริง” ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง กล่าว 

ด้าน นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้อำนวยการ กรุงเทพธนาคม กล่าวว่า จากการที่ทีมบริหารได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการอย่างใกล้ชิด พนักงานและผู้บริหารมีความมั่นใจในแนวทางและนโยบายเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้และทำงานร่วมมือกันได้อย่างสอดคล้องมีประสิทธิภาพเป็นอย่างดี โดยในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ได้มีการชำระค่างานระบบเดินรถ (E&M)  ของส่วนต่อขยาย 2 มูลค่า 23,312 ล้านบาท และ BTSC ก็ได้โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้ กทม. แล้ว เมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 ที่ผ่านมา


ส่วนที่ BTSC มีการฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถ (O&M) ส่วนต่อขยาย 1 และ 2 รวม 22,823 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ทำการยื่นอุทธรณ์ไป ขณะนี้อยู่ในระหว่างรอผลการพิจารณาคดี ในระยะสั้นบริษัทจะเร่งกระบวนการหารายได้เชิงพาณิชย์จากการให้สิทธิพื้นที่ป้ายโฆษณาและร้านค้าบนสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 1 และ 2 เพิ่มเติมภายในปี 67 ขณะนี้อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลรายละเอียดพื้นที่และคาดว่าจะหาผู้มาประมูลได้ภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้รายได้ที่เกิดขึ้นนำส่งเข้า กทม.ทั้งหมด


ส่วนแผนการดำเนินงานต่อไป บริษัทจะเข้าร่วมแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในภาพรวมของรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งระบบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐและประชาชนผู้ใช้บริการ อีกทั้งยังเป็นธรรมกับผู้ประกอบการ สามารถสนองนโยบายภาครัฐในการสร้างระบบตั๋วร่วมและค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายให้สำเร็จได้

สำหรับโครงการเก็บขนและกำจัดมูลฝอยติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร บริษัทมีการให้บริการกับสถานพยาบาลกว่า 5,400 แห่ง น้ำหนักมูลฝอยเฉลี่ย 55 ตัน/วัน ในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาระบบการจัดการเพื่อเข้าสู่ระบบมาตรฐาน ISO 9000 และ ISO 14000 รวมทั้งจะลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ด้วยการนำรถไฟฟ้ามาใช้ทดแทนรถเก็บขนที่มีอยู่จำนวน 31 คัน


นายธรัฐพร กล่าวต่อไปว่า ส่วนโครงการใหม่ๆ ที่บริษัทกำลังพัฒนา ประกอบด้วยโครงการแอปพลิเคชันวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อเป็นแอปพลิเคชันโดยเฉพาะที่สนับสนุนและยกระดับคุณภาพของวินมอเตอร์ไซค์เพื่อการบริการที่ครอบคลุมทั่วถึง เป็นประโยชน์ต่อทั้งประชาชนชาว กทม. และวินมอเตอร์ไซค์ ขณะนี้ได้ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหลักแล้ว คาดว่าจะเริ่มให้บริการเป็นการทั่วไปได้ภายใน ก.ค 67, โครงการเรือ Taxi EV Boat สร้างเส้นทางเดินเรือเพื่อการเดินทางทั่วไปและท่องเที่ยว เช่น คลองบางลำพู นั้น เป็นเรือไฟฟ้า EV เพื่อช่วยในด้านสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะเริ่มโครงการนำร่องได้ใน ก.ค. 67  โครงการระบบโต้ตอบ BKK Chat AI ในการบริการสาธารณะที่หลากหลาย ในการตอบสนองข้อซักถามต่างๆ ให้กับประชาชนแต่ละวันเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะเริ่มนำระบบ BKK Chat AI นี้มานำร่องทดสอบเบื้องต้นกับหน่วยงานภายใน กทม. ใน ส.ค. 67 เช่นกัน.