“บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา พร้อมด้วย ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกันเปิดโครงการ MUAYTHAI FOR ALL หรือ ต้นกล้ามวยไทย ที่โรงเรียนวัดธาตุทอง เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 67

สำหรับโครงการ MUAYTHAI FOR ALL หรือ ต้นกล้ามวยไทย เป็นการส่งเสริมครูมวยไทย ที่จบหลักสูตรมาตรฐานผู้ฝึกสอนกีฬามวยไทย และผ่านการทดสอบสมรรถนะกีฬามวยไทย ให้ได้มีพื้นที่ในการฝึกสอนกีฬามวยไทยขั้นพื้นฐานในโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษาในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนามาตรฐานทางด้านกีฬามวยไทยระดับพื้นฐาน สู่เยาวชนของชาติ อันเป็นหนึ่งในกระบวนการขับเคลื่อนกีฬามวยไทย “มวยไทยซอฟต์พาวเวอร์” ของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา ที่กำลังเดินหน้า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง

ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ กล่าวว่า โครงการต้นกล้ามวยไทย ได้เริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่โรงเรียนวัดธาตุทอง เป็นแห่งแรก โดยได้นำมวยไทยที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ เข้าถึงประชาชนและเยาวชน โดยไม่ได้มีเพียงโรงเรียนวัดธาตุทอง แต่ยังมีอีก 22 โรงเรียนในโครงการ ที่จะนำครูมวยเข้ามาสอน ซึ่งแต่ละโรงเรียน จะมีการสอนมวยไทย สัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 2 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 เทอม ซึ่งหลังจบเทอมรวมทั้ง 23 โรงเรียนในโครงการนำร่อง คาดว่าจะได้นักเรียนที่เรียนมวยทั้งสิ้น 1,000 กว่าคน จากนั้นก็จะมาดูว่าต้องเพิ่มเติมอะไรบ้างและขยายวงให้กว้างขึ้นจนถึง 100 โรงเรียนต่อไป

“ในการสอนไม่ใช่แค่ช่วยให้ห่างไกลยาเสพติด, ออกกำลังกาย หรือเป็นศิลปะป้องกันตัว แต่ยังสอนทั้งประวัติศาสตร์, ที่มาที่ไป, หรือจริยธรรมของการเป็นนักมวย เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจวัฒนธรรมไทยอีกด้วย” ผศ.พิมล กล่าว

ขณะที่ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณ ผศ.พิมล ที่นำมวยไทย เข้ามาสอนในโรงเรียนกรุงเทพฯ เพราะนี่เป็นการขับเคลื่อนด้านซอฟต์พาวเวอร์ อย่างรวดเร็ว และเป็นรูปธรรมที่สุดภายใน 3 เดือนเท่านั้น การจะให้เด็กๆ ได้รู้จักมวยไทย ต้องเริ่มจากโรงเรียนแบบนี้ นอกจากนี้ยังฝึกให้นักเรียนมีระเบียบวินัย ความเข้าใจกัน มีน้ำใจนักกีฬา ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเป็นพลเมืองที่ดี

“ในอนาคตอยากขยายให้ได้ 200 โรงเรียน จาก 400 โรงเรียน ที่อยู่ในความดูแลของกรุงเทพมหานคร โดยเราพร้อมส่งเสริมการกีฬาอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเราเรียนกีฬาที่มาจากต่างประเทศมาโดยตลอด ครั้งนี้ก็จะเป็นการส่งเสริมกีฬาไทยด้วย นอกจากนี้ ยังมองว่านี่จะเป็นตัวกระตุ้น เพื่อนำไปต่อยอดในการผลักดันเข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียนในอนาคตได้” ดร.ชัชชาติ กล่าว