สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ว่า นายกิลแบร์โต ทีโอโดโร รมว.กลาโหมฟิลิปปินส์ และนางโยโกะ คามิกาวะ รมว.การต่างประเทศญี่ปุ่น ลงนามร่วมกัน ในข้อตกลงกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคง ที่ทำเนียบมาลากันยัง ในกรุงมะนิลา เมื่อวันจันทร์ โดยประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ ร่วมเป็นสักขีพยาน
ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศเจรจากันเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว ตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว โดยสาระสำคัญของข้อตกลงฉบับนี้ คือการที่ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ สามารถประจำการทหารและสรรพาวุธ ในอีกประเทศหนึ่งได้ เพื่อการฝึกฝนหรือเพื่อปฏิบัติการทางทหารอื่นที่เกี่ยวข้อง
อนึ่ง ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์อยู่ในกลุ่มพันธมิตรทางทหารที่สำคัญของสหรัฐมานานแล้ว และการที่ทั้งสองประเทศตั้งอยู่ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ความร่วมมือทางทหารระหว่างญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์ และการที่ญี่ปุ่นเดินหน้ายกระดับความร่วมมือกับหลายประเทศแถบนี้ เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากจีน ว่าเป็นความพยายามสร้าง “นาโตแห่งเอเชีย”
WATCH: The Philippines and Japan sign the Reciprocal Access Agreement, enabling both countries to send troops to each other's territory for training and joint exercises.
— Rappler (@rapplerdotcom) July 8, 2024
Related story: https://t.co/hOytZecwBZ pic.twitter.com/wGmX1NbDiw
ขณะเดียวกัน การลงนามในข้อตกลงระหว่างญี่ปุ่นกับฟิลิปปินส์ เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ที่ตอนนี้มีการพิพาทบ่อยครั้งมากขึ้น ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ โดยสถานการณ์รุนแรงครั้งล่าสุดเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม พล.อ.โรเมโอ บราวเนอร์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า กองทัพฟิลิปปินส์ยังคงมีศักยภาพที่จะบริหารจัดการสถานการณ์ด้วยตัวเอง ก่อนถึงขั้นต้องขอความช่วยเหลือจากสหรัฐ หลังมีรายงานว่า สหรัฐประสานงานมายังรัฐบาลมะนิลาเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยอ้างอิงตามข้อตกลงความมั่นคงทวิภาคี ฉบับปี 2494 ซึ่งระบุว่า สามารถใช้ได้เช่นกัน เมื่อเกิดกรณีที่ฟิลิปปินส์ตกเป็นเป้าหมายของการถูกคุกคาม และการโจมตีทางทหารในทะเลจีนใต้.
เครดิตภาพ : AFP