สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ว่าประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย เปิดตัวโครงการวีซ่าระยะยาว มูลค่าสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 361 ล้านบาท) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยจะให้วีซ่าแก่นักลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปี และโอกาสเข้าถึงเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับวีซ่า 5 ปี ผู้ลงทุนรายบุคคลต้องจัดตั้งบริษัทที่มีมูลค่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 90 ล้านบาท) 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 180 ล้านบาท) สำหรับวีซ่า 10 ปี ในส่วนของบุคคลที่ไม่ต้องการจัดตั้งบริษัท จะต้องวางเงิน 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12 ล้านบาท) และ 700,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 25 ล้านบาท) สำหรับวีซ่า 5 ปีและ 10 ปีตามลำดับ
Hari ini, saya resmi meluncurkan Golden Visa Indonesia serta mengundang warga dunia untuk berinvestasi dan berkarya di Tanah Air. Saya optimistis potensi Indonesia sebagai tujuan investasi global sangat besar mengingat pertumbuhan ekonomi yang baik, stabilitas politik yang… pic.twitter.com/3dn0MAYqLG
— Joko Widodo (@jokowi) July 25, 2024
ทั้งนี้ เงินดังกล่าวสามารถใช้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลอินโดนีเซีย, หุ้นบริษัทมหาชน หรือเป็นเงินฝากก็ได้ ด้านนักลงทุนในองค์กรต้องลงทุน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 902 ล้านบาท) เพื่อรับวีซ่า 5 ปีสำหรับกรรมการและกรรมาธิการ และ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,806 ล้านบาท) สำหรับวีซ่า 10 ปี
Pelatih Timnas Indonesia asal Korea Selatan, Shin Tae-yong (STY), mendapatkan fasilitas golden visa yang diberikan oleh Presiden Jokowi pada Kamis (25/7) di Ritz Carlton, Jakarta.
— CNN Indonesia Daily (@CNNIDdaily) July 25, 2024
Well deserved ????????????
Semoga makin berprestasi bersama Timnas Indonesia! pic.twitter.com/QTVi4QEQFR
ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองระบุว่า หากลงทุนในกรุงนูซันตารา เมืองหลวงแห่งใหม่ ที่กำลังก่อสร้างอยู่บนเกาะบอร์เนียว นักลงทุนจะได้รับวีซ่า 5 ปี หากลงทุนมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 180 ล้านบาท) และวีซ่า 10 ปี สำหรับการลงทุนมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 361 ล้านบาท)
ปัจจุบัน หลายประเทศเสนอโครงการวีซ่าการลงทุนที่คล้ายกัน แต่ในบางประเทศ อาทิ แคนาดา, สหราชอาณาจักร และสิงคโปร์ ยกเลิกโครงการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากไม่ได้สร้างงาน และอาจเป็นช่องทางในการจอดเงินเก็งกำไร
วิโดโด กล่าวเพิ่มเติมว่า วีซ่าดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดนักเดินทางที่มีคุณภาพ “เรากำลังเปิดตัววีซ่าทองคำเพื่อให้ชาวต่างชาติลงทุนและสนับสนุนในอินโดนีเซียได้ง่ายขึ้น” เขากล่าว
นายซิลมี คาริม ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า อินโดนีเซียอนุมัติวีซ่าทองคำ ให้แก่ผู้สมัครเกือบ 300 คนแล้ว นับตั้งแต่เริ่มโครงการระยะนำร่องหรือทดสอบ เมื่อปี 2566 และดึงดูดเม็ดเงินได้ 123 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,441 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังหารือร่วมกัน ถึงวิธีการให้สถานะพิเศษแก่ชาวต่างชาติเชื้อสายอินโดนีเซีย ซึ่งจำลองตามสถานะพลเมืองอินเดียโพ้นทะเล (โอซีไอ) ที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติเชื้อสายอินเดียเดินทางมาเยือน, ทำงาน และอาศัยอยู่ในอินเดียได้ไม่จำกัดระยะเวลา ซึ่งอาจดำเนินการให้ได้ภายในเดือน ต.ค. นี้
อนึ่ง แผนการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบสนองเสียงเรียกร้อง ให้อินโดนีเซียอนุญาตพลเมืองของตน สามารถมีหนังสือเดินทางได้อีกเล่มหนึ่ง.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES