สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองเดนปาซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่าทางการบาหลีคุมเข้มมาตรการตรวจคนเข้าเมืองเพื่อรับมือกับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก หลังในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นถึง 3.89 ล้านคน สูงขึ้นเกือบ 1 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
น.ส.ปราเมลลา ยูนิดาร์ ปาซาริบู หัวหน้าสำนักงานของกระทรวงกฎหมายและสิทธิมนุษยชนของอินโดนีเซีย ประจำภูมิภาคบาหลี ระบุว่า การตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดยิ่งขึ้น จะบังคับใช้กับนักท่องเที่ยวทุกคน ซึ่งเดินทางมายังท่าอากาศยานนานาชาติอิกุสตี งูระห์ไร ของบาหลี โดยมาตรการรวมถึงการตรวจหนังสือเดินทาง, วีซ่า และใบอนุญาตพำนักด้วยความรอบคอบมากขึ้น
การควบคุมที่เข้มงวดได้รับการสนับสนุน จากระบบการตรวจสอบคนเข้าเมืองแบบบูรณาการ ซึ่งออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการติดตามชาวต่างชาติ โดยการผสานเข้ากับเทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อการควบคุมชายแดนให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของบาหลีร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจ, ศุลกากร และสำนักงานการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการตรวจคนเข้าเมือง
ด้านสำนักข่าวอันตาราของอินโดนีเซียรายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติติดตั้งเครื่องตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ 30 เครื่อง ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศของสนามบินงูระห์ไร ระบบตรวจสอบดังกล่าวเชื่อมโยงเทคโนโลยีจดจำใบหน้ากับระบบจัดการควบคุมชายแดน (บีซีเอ็ม) และจะถูกติดตั้งเพิ่มในอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศอีก 20 เครื่อง รวมทั้งสิ้นทั้งหมด 80 เครื่อง
จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งมาเยือนบาหลีตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค. ของปีนี้ อยู่ที่ 3.89 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 2.9 ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 โดยนักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียครองอันดับหนึ่งที่ 877,329 คน รองลงมา ได้แก่ อินเดีย 328,767 คน และจีน 278,329 คน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ อาทิ สหราชอาณาจักร, เกาหลีใต้, สหรัฐ, ฝรั่งเศส, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และเยอรมนี
ปราเมลลาย้ำว่า สำนักงานได้ให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับความสำคัญของการรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยอย่างจริงจัง รวมไปถึงการรายงานชาวต่างชาติที่น่าสงสัย พร้อมเรียกร้องให้ชาวต่างชาติทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับของอินโดนีเซีย
ตามข้อมูลของกระทรวงกฎหมายและสิทธิมนุษยชน มีชาวต่างชาติ 258 คนถูกเนรเทศออกจากบาหลีระหว่างเดือน ม.ค.-19 ก.ค. 2024 ขณะที่ในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองงูระห์ไรปฏิเสธการเข้าเมืองของชาวต่างชาติ 318 คนระหว่างเดือน ม.ค.-มี.ค. 2567 ด้วยเหตุผลหลักคือการไม่มีวีซ่าอินโดนีเซีย และเหตุผลอื่น ๆ ได้แก่ การมีประวัติอาชญากรรม หรือหนังสือเดินทางมีอายุต่ำกว่า 6 เดือน โดยในปี 2566 มีชาวต่างชาติ 340 คนถูกเนรเทศ เพิ่มขึ้นถึง 188 คนจากปี 2565
มากไปกว่านั้น นักท่องเที่ยวซึ่งหลั่งไหลเข้ามาได้สร้างรายได้ที่ไม่ใช่ภาษีประมาณ 963,400 ล้านรูเปียห์ (ราว 2,100 ล้านบาท) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8 จาก 894,700 ล้านรูเปียห์ (ราว 1,950 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมวีซ่าประมาณร้อยละ 90 และรายได้ทั้งหมดคิดเป็นครึ่งหนึ่งของเป้าหมายในปี 2567 ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 1.5 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 3,305 ล้านบาท)
แม้มีการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ตาม บริการสำหรับนักท่องเที่ยวยังคงปลอดภัยและสะดวกสบาย “เราต้องการให้นักท่องเที่ยวแน่ใจว่าพวกเขาจะเพลิดเพลินกับความงดงามของธรรมชาติ และวัฒนธรรมในบาหลีอย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย”.
เครดิตภาพ : AFP