เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ห้องประชุมรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) เขตพระนคร น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวเปิดงานประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิดชูองค์กรสุขภาวะ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง กทม. และ สสส. เพื่อออกแบบและสร้างองค์กรแห่งความสุข หรือ Happy Workplace ว่า วันนี้ถือเป็นการลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมกันทำความเข้าใจปัญหาที่ทำให้บุคลากรเกิดความเครียด ไม่มีความสุข ว่าอยู่ในรูปแบบใดบ้าง
หากพูดถึงเรื่องเส้นเลือดฝอย เส้นเลือดฝอยแรกที่ให้ความสำคัญคือประชาชน รองลงมาคือบุคลากร เจ้าหน้าที่ของ กทม. เองที่ต้องดูแลด้วย ทั้งนี้ ด้วยจำนวนบุคลากรกว่า 83,000 คน อาจไม่มีเวลาไปทำความเข้าใจเงื่อนไขการใช้ชีวิตของทุกคนได้ ดังนั้น สสส. จึงเข้ามาช่วยในการออกแบบกิจกรรมที่จะช่วยสร้างความสุข ในขณะเดียวกันก็ต้องแก้ไขปัญหาในเรื่องระบบขั้นตอนการทำงาน กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้บุคลากรสามารถทำงานน้อยลงแต่ได้งานที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน มิ.ย.-ธ.ค. 66 กทม. โดยสำนักงาน ก.ก. ได้ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการสำรวจสถานการณ์สุขภาวะองค์กรของหน่วยงาน กทม. โดยรวบรวมข้อมูลจากข้าราชการ ลูกจ้าง สังกัดสำนัก และสำนักงานเขต พบว่ามีประเด็นท้าทายหลายประการ เช่น ประเด็นด้านสุขภาพของบุคลากรมีน้ำหนักเกิน เนื่องจากไม่ออกกำลังกาย และมีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงด้านสุขภาพ
ประเด็นชีวิตการทำงาน พบว่าบุคลากรรู้สึกว่างานที่ทำมีความเครียดจากภาระงานมาก และงานเร่งด่วน ทำงานเกินเวลาเกินหน้าที่ กทม. จึงได้ร่วมกับ สสส. จัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะระหว่างเดือน ม.ค.- พ.ค. 67 ในสำนักงานเขตนำร่อง 6 เขต ได้แก่ สำนักงานเขตคลองเตย สำนักงานเขตตลิ่งชัน สำนักงานเขตบางเขน สำนักงานเขตมีนบุรี สำนักงานเขตพระโขนง และสำนักงานเขตภาษีเจริญ
ซึ่งกิจกรรมตามแนวคิดองค์กรสุขภาวะ มีเป้าหมายในการสร้างความสุขให้แก่คนในองค์กร นอกจากการส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภาพใจแล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญคือ การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี ส่งเสริมให้คนทำงานได้รับความสุขจากบรรยากาศการทำงาน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในองค์กร เป็นองค์กรแห่งความสุข ส่งผลให้เกิดความผูกพันต่อองค์กร ลดปัญหา Burn Out หรืออาการหมดไฟของคนทำงาน ซึ่งอาจช่วยลดอัตราการสูญเสียข้าราชการ กทม. จากการลาออกและการโอนย้ายไปสังกัดอื่น
โดยแนวทางการจัดกิจกรรม มุ่งเน้นการส่งเสริมสนับสนุนให้คนในองค์กรหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน โดยได้รับความร่วมมือจาก สสส. และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการอบรมพัฒนาความรู้ทักษะด้านการส่งเสริมองค์กรสุขภาวะให้แก่ “นักสร้างสุของค์กร” เพื่อเป็นแกนนำสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้บริหารและบุคลากรในหน่วยงาน และจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับปัญหาสุขภาวะของหน่วยงาน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลง เกิดวัฒนธรรมองค์กรสุขภาวะอย่างยั่งยืน
สำหรับเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิดชูองค์กรสุขภาวะในครั้งนี้ มีกิจกรรมประกอบด้วย การลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือโครงการส่งเสริมสุขภาวะในองค์กรเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดีให้แก่บุคลากร กทม. ระหว่าง กทม. และ สสส. ซึ่งจะร่วมเป็นภาคีที่จะช่วยกันพัฒนา กทม. ให้เป็นองค์กรสุขภาวะ ขยายผลจาก 6 เขตต้นแบบไปยังทุกหน่วยงาน และมีการเสวนาพิเศษ การสร้างเสริมองค์กรสุขภาวะเพื่อการพัฒนาเมือง ที่พูดถึงเป้าหมายและแนวทางการดำเนินการในมิติต่าง ๆ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตการทำงานของบุคลากร.
