เมื่อวันที่ 11 ก.ย. รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี คู่รักคู่หนึ่ง วางแผนแต่งงานกัน เตรียมทุกสิ่งไว้เสร็จสรรพ แต่ฝ่ายชายมาบอกว่า ไม่มีสินสอดตามที่สัญญา จนแม่ฝ่ายหญิงต้องไปหายืมเงิน กู้หนี้มาวางจนจัดงานผ่านไปได้ แต่หลังจากนั้น พ่อฝ่ายชายก็ยังผิดนัดชำระหนี้อีก
แมงปอ ฝ่ายหญิง เล่าว่า รู้จักกับพู่ จากการไปเรียนในมหาวิทยาลัย คบหาดูใจกันมา ไปเจอครอบครัวกันทั้งสองฝ่าย ตลอดช่วงที่คบหากันมา ดูแลกัน ช่วยกันทำมาหากิน ขายของ ขายหมูปิ้ง เก็บเงินกันมา โดยแม่ของแมงปอเอ็นดู ดูแลพู่ทุกอย่าง แม้แต่ชุดนักศึกษาอะไรต่างๆ ก็ซื้อให้ ดูแลเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง ช่วงหลังพู่มาอยู่ที่บ้านของแมงปอ จนชาวบ้านเริ่มนินทา มันดูไม่ดี
ผู้ใหญ่สองฝ่ายคุยกันแล้ว อยากให้ทางครอบครัวของพู่ พาผู้ใหญ่มาหมั้น มาทำพิธีเล็กๆ น้อยๆ อย่างน้อยให้ชาวบ้านเขารู้แต่ทางพ่อบอย พ่อของพู่ บอกว่าไม่ต้องหมั้น ให้แต่งไปเลย เพราะมั่นใจว่าจะมีเงินมาแต่ง ซึ่งทางแม่รำเพย แม่ของแมงปอไม่ได้เรียกเงินว่าต้องเอาเท่านั้นเท่านี้ แต่ทางพ่อบอยเสนอเองว่า จะเอาเงิน 2 แสน ทอง 2 บาท มาเป็นสินสอด
ทางครอบครัวของแมงปอ ถามแล้วถามอีกว่า ทางครอบครัวของพู่ เตรียมเงิน เตรียมทุกอย่างไว้แล้วใช่ไหม เขาก็ยืนยันว่ามีแน่ นัดกันไว้ว่าจะแต่งวันที่ 21 เมษายน โดยวันที่ 10 เมษายน ทุกคนต้องมาเตรียมตัวจัดงานแล้ว
ทางครอบครัวของพู่ก็พากันมาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน มากัน 10 คน มาอยู่ที่บ้านแมงปอ มาช่วยกันจัดงานนู่นนี่ แต่พอคืนก่อนจะถึงวันงาน เช้ารุ่งขึ้นจะจัดงานอยู่แล้ว เตรียมจ้างทุกอย่างไว้หมด อยู่ดีๆ พู่เดินมากราบแม่ของแมงปอ บอกว่า ผมไม่มีเงินมาเป็นสินสอดสักบาท หาเงินไม่ได้เลย
ณ วินาทีนั้น แม่ช็อกไปเลย มืดแปดด้านไปหมด ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ในเมื่อทุกอย่างเตรียมการไว้หมดแล้ว เรียกทุกคนมาคุยกันว่าจะเอายังไงดี ยังไงก็ต้องจัดงานให้ผ่านไปให้ได้ก่อน แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปให้ได้ก่อน
แม่ของแมงปอ ไปหยิบยืมเอาเงินของญาติพี่น้อง เอาสร้อยทอง 3 บาท ของตัวแม่เองมาวาง ให้พู่ใส่ให้แมงปอในพิธี แล้วพองานแต่งจบ ต้องมาช่วยกันฉีกซอง เอาเงินช่วยงานไปจ่ายค่าต่างๆ ที่ไปจ้างเขามา ทั้งค่าอาหาร ค่าต่างๆ แต่ได้เงินซองมาก็ไม่พอ ยังขาดไปอีกแสนกว่าบาท แม่ต้องเอาทองไปจำนำ เอารถมอเตอร์ไซค์ไปเข้าไฟแนนซ์ หาเงินมาเคลียร์ค่าใช้จ่าย จนเรียกได้ว่า หมดเนื้อหมดตัวกันเลย
ขณะที่พ่อบอย พ่อของพู่ เล่าว่า ตนทำงานรับเหมาก่อสร้าง วันที่รู้จากพู่ว่าจะแต่งงาน ตนมั่นใจว่า มีกำลังพอจะหาเงินมาเป็นสินสอดให้ลูก เพราะตอนนั้นได้งานเหมาก่อสร้างมา สัญญากับเจ้าของบ้านว่าจะเบิกเงินล่วงหน้ามา 2 แสน เพื่อจะเอามาแต่งงานลูกชาย
แต่พอใกล้ถึงเวลางาน ช่างของตนไม่ยอมเข้าหน้างาน ทำให้เจ้าของบ้านตัดงานของตนทั้งหมด ไม่ให้ทำงานนี้อีก ซึ่งในตอนนั้น เรื่องงานรับเหมาต่างๆ ไม่ได้มีการทำสัญญาอะไรกันไว้ พอเขาบอกยกเลิก ก็เหมือนตนล้มละลายเลย ไม่เหลือเงินสักบาทเลย
หลังจากเกิดเรื่องเกิดราว แม่ของแมงปอ ได้ให้พ่อของพู่ มาทำสัญญาเงินกู้ ตกลงกันว่าจะต้องมาชำระหนี้ค่าใช้จ่ายในงานแต่งที่จัดไปแล้ว โดยสัญญาฉบับแรก ยอดหนี้คือ 290,000 บาท ต้องผ่อนจ่ายเดือนละประมาณ 2 หมื่นบาท งวดแรกจ่ายแล้ว แต่พองวดที่สองหาเงินไม่ทัน จึงผิดนัดชำระ ขอผัดผ่อนเรื่อยมา จนเกิดการตกลงกันใหม่ ทำสัญญาฉบับใหม่ ฉบับที่สอง
ต่อมาบอย เสนอว่าสิ้นเดือนกันยายนนี้ จะใช้หนี้แม่แมงปอทั้ง 2 งวดที่ค้างอยู่ โดยจะขอทำสัญญาใหม่อีก 1 ฉบับ และถ้าหลังจากนี้ผิดนัด ไม่ใช้หนี้อีก ตนจะยอมรับว่าเป็นคนผิดสัจจะ และจะยอมเดินเข้าคุกเอง แต่ทางทนายแก้วและทนายไพศาลมอง ก็คือมันไม่มีประโยชน์ที่จะทำสัญญาเพิ่มอีก เพราะสัญญาสองฉบับก่อนหน้านี้มันเข้าข้อกฎหมายไปแล้ว
ปัญหาก็คือ นายบอย ผิดคำพูดครั้งใหญ่มาแล้วครั้งหนึ่งในตอนจัดงานแต่ง ทำให้แม่ของฝ่ายหญิงไม่สามารถที่จะไว้ใจ หรือเชื่อใจอะไรได้อีก ซึ่งกรณีที่มันเข้าข้อกฎหมายไปแล้ว มันมีความผิดอาญาถึงขั้นติดคุกได้ เพราะฉะนั้น หลังจากนี้ถ้าแม่ฝ่ายหญิงต้องการจะเอาผิดอะไรต่างๆ แต่ทางทนายแก้วแนะนำว่า ในเมื่อฝ่ายชายยอมหมอบ ยอมรับผิดอะไรต่างๆ แล้ว ก็อยากให้ลองพิจารณาให้โอกาสเขาอีกครั้ง เพราะถ้าจะเอาผิดตามกฎหมาย ยังไงก็เอาผิดได้แน่ๆ
ด้านพู่ ฝ่ายชาย เผยว่า ยังรักแมงปออยู่เสมอ แต่ที่ต้องเลิกรากัน เพราะหลังเกิดเรื่อง ยังอยู่ด้วยกัน แม่ของแมงปอก็เป็นหนี้ แต่เขายังหาเงิน หาทองมาให้แมงปอกับตน ไปสอบใบประกอบวิชาชีพต่างๆ ไปกู้ ไปหามาให้ พอมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้ว ตนไม่สามารถจะไปอยู่กับเขาได้อีกแล้ว เพราะตนทำให้ชีวิตเขาลำบากขนาดนี้แล้ว
ด้านแมงปอ บอกว่า สิ่งที่ทนรับไม่ไหวแล้ว คือไม่สามารถจะฝากชีวิตกับเขาได้อีกแล้ว เขาเคยพูดกับพ่อเขาว่า ขอโทษพ่อที่ต้องพาพ่อมาเจออะไรแบบนี้ ก็อยากจะถามว่า ในขณะที่พ่อแม่ตนดีกับพู่ขนาดนี้ แล้วทำไมพู่ไม่ขอโทษพ่อแม่ตนบ้าง ไปขอโทษพ่อตัวเอง มันเป็นเวรกรรมอะไรของพ่อเขา เคยมองหรือเปล่าว่าครอบครัวของตนที่เป็นผู้หญิง ต้องมาเจออะไรบ้าง
แต่ช่วงท้ายรายการ ทนายแก้ว ทนายไพศาล รวมทั้งครูกะปิ ให้ข้อคิดที่น่าสนใจก็คือว่า ด้วยความที่ทั้งสองคนยังเด็ก เขายังต้องพิสูจน์อะไรอีกมาก ที่สำคัญคือ พู่เป็นคนไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เขายอมรับผิด รู้บุญคุณแม่ของแมงปอ แต่เขาต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเขาพร้อมจะมีครอบครัวได้ไหม มันจำเป็นที่จะต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้ได้ แล้วค่อยมาคิดว่าจะกลับไป หรือไม่กลับ