หลังจากที่เมื่อวานนี้ (12 ก.ย.) รายการโหนกระแส นำเสนอเรื่องราวของ นายเคน ชายชาวจีน ที่มาร้องทนายตั้ม ว่าถูก เอวา อดีตภรรยาชาวไทยหลอกให้หย่า ฮุบทรัพย์สินไปมีชายคนใหม่ ชื่อนายมาก แต่ปรากฏว่า มีเรื่องราวแตกประเด็นแยกออกมาในช่วงท้ายรายการเมื่อวานนี้ เรื่องของ คุณขวัญ ภรรยาของนายมาก ที่ต้องมาเจอสารพัดวีรกรรมของผู้ชายคนนี้
คุณขวัญมาร่วมรายการโหนกระแสในวันนี้ เล่าว่า เมื่อ 6 ปีก่อน รู้จักกับนายมาก ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เขาให้การ์ดของร้านมาขอไลน์ นัดไปทานข้าว ไปดูหนัง แล้วจะชวนเข้าโรงแรม แต่ตอนนั้นตนทำใจไม่ได้ เลยปฏิเสธ แล้วหนีกลับไป ห่างหายไป 2 ปี และไม่คุยกับเขาอีก
แต่หลังจากนั้นผ่านไป 2 ปี เขาก็ติดต่อกลับมาใหม่ บอกว่ายังคิดถึงเราอยู่เลย เป็นยังไง สบายดีไหม เอาใบหย่ามาให้เราดู ว่าเขาโสดสนิท ไม่มีพันธะ อยากจะจริงจังสร้างครอบครัวกับเรา สุดท้ายก็เลยใจอ่อน ยอมคบหากับเขา
จากนั้นนายมาก ก็ชวนให้ตนไปอยู่กับเขาที่บ้าน แต่ต่อมามีคนไปสืบเจอว่า นายมากมีภรรยา 1 คน ชื่อ “ฟาง” ที่กำลังจะแต่งงานกัน และตั้งท้องอยู่ อยู่ในบ้านหลังนั้น ซึ่งก่อนที่มากจะพาขวัญเข้าบ้าน เขาให้ฟางย้ายออกไป เพื่อจะเอาขวัญเข้ามาในบ้าน แต่ตอนนั้นฟางตัดสินใจเลิกยุ่งเกี่ยวกับมาก เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว
ช่วงที่คบหากันนั้น นายมากชวนให้ขวัญไปลงทุน อ้างว่าจะเปิดร้านคอมพิวเตอร์ เอาเงินของตนไป เอาเงินของแม่ตนไป อ้างว่าไปลงทุน อยากออกรถหรู ก็มาขอยืมเงินแม่ของขวัญเอาไปดาวน์รถ
แต่ต่อมาก็มีพฤติกรรมเรื่องผู้หญิงเยอะแยะมากมายไปหมด มีผู้หญิงเก่าๆ ของเขามาทวงเงิน ทวงหนี้ หลักแสน เราและแม่ต้องใช้หนี้แทนเขาตลอด ส่วนเงินที่เขาเอาจากเราและแม่ไป ก็ยังไม่เคยได้คืน เพราะเขาจะอ้างว่า ต้องเอาไปจ่ายเจ้าหนี้คนอื่นก่อน ส่วนพวกเราเป็นคนในครอบครัว รอได้
ไฮโซจีนโดนเมียไทยหลอกหย่าอ้างจะลง สส. ช้ำพาชายใหม่มาขนของเกลี้ยงบ้าน…
แล้วยังมาขอยืมเงินแม่ตนไปอีกหลายครั้ง เอาไปซื้อเครื่องบิน เอาไปลงทุน อะไรต่างๆ นานา เบ็ดเสร็จเกือบๆ 10 ล้าน แล้วช่วงที่มีปัญหาเรื่องผู้หญิงอื่น เขาอาละวาด ไล่แม่ขวัญออกจากบ้าน บอกว่าถ้าคุมลูกตัวเองไม่ได้ก็ไสหัวออกจากบ้านไป
ขณะที่ คุณมิ้น เล่าว่า รู้จักนายมากเพราะว่าไปซื้อคอมพิวเตอร์ที่ร้านของเขา แล้วเขามาจีบ มาชวนคุย ตอนนั้นเขาอ้างว่าเขาเป็นลูกหลาน “ลุงบ้านในป่า” บอกว่าเตรียมจะลงเลือกตั้ง อะไรต่างๆ นานา ตอนนั้นเราโสด ก็เลยคุยกับเขาแบบไม่ได้คิดอะไร
ตอนที่เขาบอกว่าเขาจะลงเลือกตั้ง ตอนนั้นเราบอกว่า เรากำลังทำแคมเปญออนไลน์ให้ สส. บางคนอยู่ ก็เลยจะถามเขาว่า เขาลงเลือกตั้งพรรคไหน อะไรยังไง จะไปเช็ก เขาก็ไม่ตอบ แล้วไม่พูดเรื่องนี้อีก
ช่วงนั้นเราไปเจอว่ามีผู้หญิงอยู่รอบตัวเขา เราบอกเขาไปว่า ถ้าพี่มีลูกมีเมียแล้ว อย่ามายุ่งกับเราอีก จนเขาเงียบๆ หายๆ ไป แล้วก็กลับมาใหม่ มาขอให้เราไปช่วยงาน พอไปช่วยงานก็เลยกลับมาคุย มาสานสัมพันธ์กันใหม่ แต่ตอนนั้นก็รู้สึกแปลกใจตงิดๆ ว่าทำไมให้ช่วยงาน แต่ไม่ให้เข้าออฟฟิศ มารู้ทีหลังว่า ขวัญอยู่ที่ออฟฟิศ ก็เลยต้องกันตนไว้ให้ทำงานที่อื่น
แล้วยังมีเรื่องรถฮอนด้า ซิตี้ ที่คุณมากเอามาหลอกขาย ในราคา 1.7 แสน บอกว่าให้ตนซื้อไว้ เอาไปขายต่อ ขาย 2 แสนกว่าก็ได้กำไรแล้ว แต่พอตกลงซื้อมา ได้มาแต่เล่มรถ ส่วนรถคันจริง เขาเอาขับมาโชว์ แล้วบอกว่าเดี๋ยวขอยืมไว้ใช้ก่อนนะ แล้วก็ไม่เคยได้เห็นรถคันนี้อีก
มิ้นต้องทวงว่า เมื่อไหร่จะเอารถมาให้ มีลูกค้าจะซื้อรถแล้ว แต่มากก็ผัดผ่อนไปเรื่อย สุดท้ายมาอ้างว่า ขายให้ลูกค้าอีกคน 2.2 แสน แต่จะขอผ่อนจ่าย มิ้นตัดรำคาญ ก็เลยยอมให้เขาผ่อนจ่ายมา ผ่อนจ่ายมาได้แค่ 1 แสน สุดท้ายเขาเอาเล่มรถคืนไป รถก็ไม่ได้ เงินก็ได้ไม่ครบ
สิ่งที่ขวัญและมิ้นเล่าตรงกัน ก็คือพฤติกรรมการสับราง มีผู้หญิงมากหน้าหลายตา โกหกสารพัดเรื่อง แล้วสุดท้ายก็หลอกเอาเงิน ขอยืม หลอกเอาเงินไปลงทุน ทุกคนโดนเหมือนกันหมด
ขณะที่ กร สาวอีกคนที่ตกเป็นเหยื่อของนายมาก เล่าเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกัน คือมีลูกกับนายมาก ระหว่างที่ตั้งท้องก็ถูกหลอกเอาเงินไป อ้างว่าชวนไปลงทุน สุดท้ายเขาเป็นหนี้เรา 3 ล้าน รวมเงินที่เราจ่ายค่างวดรถให้ ปิดบัตรเครดิตให้ จนถึงตอนนี้ทวงเท่าไหร่ก็บิดไปเรื่อย อยากบอกว่า ถ้ามีเงินจากผู้หญิงคนอื่น ก็ช่วยมาใช้หนี้ด้วย เพราะเราไม่อยากจะมีพันธะผูกพันอะไรกับเขาอีก ลูกเรา เราก็เลี้ยงเองมาตั้งแต่เกิด เขาจำไม่ได้แม้แต่วันเกิดลูก
สุดท้ายทนายตั้มมองว่าพฤติกรรมของนายมาก แทบไม่ต่างอะไรกับแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกให้รัก แล้วเอาเงินไป มีผู้หญิงอีกหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อ ให้ผู้เสียหายทุกคนรวมกันมาปรึกษาตนที่สำนักงานทนายความ แล้วเดี๋ยวจะเอาหลักฐานมาไล่เรียงกันว่า ต้องดำเนินการอย่างไร อย่างน้อยให้ผู้เสียหายทุกคนได้เงินคืน