จู่ๆ ก็กลายเป็นดราม่าสนั่นมาก สำหรับ “ชมพู่ อารยา” นักแสดงสาวชื่อดัง หลังจากเจอคนคอมเมนต์แซะกลางอินสตาแกรมว่า “สงสาร คนเชียงรายจัง กำลังอดๆ อยากๆ ไม่ต้องมานั่งแต่งตัวสวย” จนทำให้ “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ออกมาปกป้องชมพู่ ด้วยการโพสต์ยอดเงินบริจาคที่ชมพู่มอบเพื่อช่วยเหลือน้ำท่วม จำนวนเงินหนึ่งล้านบาท แต่ไม่ประสงค์ออกนาม ตามที่ข่าวเคยเสนอไปนั้น
ล่าสุดสื่อมวลชนได้เจอชมพู่ ในงานแถลงข่าวการจัดงาน ELLE Fashion Week 2024 จึงได้เข้าไปพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น โดยชมพู่ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า
“ในเรื่องของคนที่มาคอมเมนต์แซะเกี่ยวกับเรื่องที่เราช่วยน้ำท่วม คือคิดว่าน่าจะต้องมีอะไร แต่เหมือนคอมเมนต์มันหายไปแล้ว เรารู้ตัวช้าไปหน่อย ไม่อยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่คิดว่าน่าจะมีอะไรแหละ ถ้าถามว่าพอทราบไหมว่ามีคนมาแซะ เอาจริงๆ คือเห็นจากข่าวก่อน แล้วก็เข้าไปดูว่ารูปนี้มันมีอะไร แต่รู้สึกว่าคอมเมนต์มันน่าจะไม่อยู่แล้วค่ะ ก็เลยไม่ทันได้อ่านค่ะ ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร คือมันไม่ได้อ่านด้วยแหละ จริงๆ มันก็โดนแซะได้ทุกวันอยู่แล้ว เราไม่มีอะไรจะพูด โนคอมเมนต์ (หัวเราะ) แต่ไม่ได้บั่นทอนอะไรค่ะ คิดว่าช่วยก็ส่วนช่วย ไม่รู้สิ ไม่มีอะไรจะพูด (หัวเราะ) โนคอมเมนต์”
“ส่วนในเรื่องที่ช่วยแบบไม่ออกหน้า คือเอาจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าไม่ออกนะ คือไม่ได้บอกพี่บุ๋มว่า ไม่ต้องบอก ไม่ประสงค์ออกนาม คือไม่ได้พูดอะไรแบบนั้น คือแค่ไม่ได้พูดอะไร เหมือนตอนแรกก็ทักแกไป ว่ามีอะไรขาดเหลือไหม คือเราก็เอาเท่าที่เราทำได้ เพราะจริงๆ ก็ไม่ใช่แค่พี่บุ๋ม ก็มีอีกหลายๆ ท่าน ที่เป็นพี่ๆ ในวงการบันเทิง หรือว่าจริงๆ ยังมีคนธรรมดาคนท้องที่ท้องถิ่นที่เขาช่วย มันมีอีกเยอะมากที่เราไม่ได้เห็นเขา ก็ทักแกไปเผื่อว่าเราช่วยอะไรได้บ้าง พอคุยกันก็คิดว่าเรื่องสตางค์น่าจะเหมาะที่สุด เพราะแต่ละวันที่ออกไป มันมีเรื่องของค่าใช้จ่าย ทั้งน้ำมันรถ น้ำมันเรือ แม้แต่เรือที่พัง ก็เลยคิดว่าเท่าที่เราทำได้ก็คงเป็นตรงนี้ เพราะถ้าเป็นข้าวของ ทางมูลนิธิก็รู้อยู่แล้ว ว่าของแบบนี้ต้องซัพพลายจากที่ไหน คือเขารู้มากกว่าเรา เพราะเขาทำมาตลอด เราก็เลยคิดว่าสตางค์น่าจะเหมาะที่สุด เพื่อให้เขาไปต่อ ถ้าถามว่านอกจากของพี่บุ๋ม ปนัดดา แล้ว ได้ช่วยตรงไหนอีกไหม ก็มีค่ะ แต่ก็จะเป็นอย่างที่บอก จริงๆ ชมว่าทุกที่ได้หมดนะคะ คือชมมองว่าใครสะดวกแบบไหน สะดวกที่ไหน เห็นคิวอาร์โค้ดที่ไหนอยากจะสแกนก็สแกนเลย คือถ้าเราอยากช่วยก็ช่วยได้หมด แต่บางทีก็จะมีเป็นเคสที่แบบว่า เหมือนมันมาจากท้องที่จริงๆ บางที่เขาอยู่ลึกมากๆ แล้วเขาไม่มีเสียง เสียงเขาไม่ดัง ถ้ามีโอกาสมาถึงเรา ชมก็อยากทำ ฟีลคล้ายๆ เราไปทำบุญวัดป่า ที่มันไม่ใช่วัดใหญ่ มันจะมีท้องที่แบบนี้ ที่เขาต้องการความช่วยเหลือเหมือนกัน แต่ชมเชื่อว่าทุกคนมีจิตที่เป็นกุศลค่ะ มีความตั้งใจที่ดี ทำที่ไหนก็ได้หมด ถ้าถามเรามีห่วงพี่บุ๋มไหม เอาจริงๆ เลยนะ บทสนทนาจริงๆ คือไม่ได้บอกว่าไม่ประสงค์ออกนาม แต่บอกว่าผู้บริจาคประสงค์ให้ประธานมูลนิธินั่งเฉยๆ (หัวเราะ) แล้วก็ไม่ต้องลงน้ำได้ไหม ถ้าถามว่านับถือความตั้งใจเหรอ ก็นับถือ แต่ไม่สนับสนุน เพราะแกเป็นระดับผู้บริหารได้แล้ว ก็สั่งการเป็นตัวแม่ไป”
“ส่วนในเรื่องที่หลายคนว้าวกับจำนวนตัวเลข 1 ล้านบาท ว่าสมมงแม่ชม ไม่ได้คิดว่าสมมงหรือไม่สมมงอะไร แต่เราประเมินจากสถานการณ์ ว่าน่าจะต้องการสิ่งนี้ๆ แกก็บอกว่าเรือแกพังไปลำหนึ่ง เราก็เออประเมินเอาเนาะ ว่าน่าจะประมาณนี้ เราอยากช่วยในส่วนนี้ จริงๆ เราส่วนเล็กน้อยมาก อย่างที่ชมบอกว่ามันมีคนที่เขาอยู่ในพื้นที่ ณ ตรงนั้น จุดที่มันห่างไกลมากๆ แล้วเขาช่วยเหลือคนตรงนั้นจริงๆ ด้วยแรงกาย ด้วยทรัพยากรทั้งหมดที่เขามี มันไม่ต้องมาชื่นชมเฉพาะคนที่ให้ตังค์ แล้วก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นวัฒนธรรมที่ว่า คนที่อยู่ตรงนี้ออกมาให้ แล้วก็ต้องกดดันคนอื่นว่าจะต้องให้ คือทุกคนมีบริบทชีวิตที่แตกต่างกัน ชมเชื่อว่าทุกคนมีความรู้สึกร่วมกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะแสดงออกหรือไม่แสดงออก มันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้สึก ก็ไม่อยากให้ใช้ตรงนี้ไปกดดันหรือไปอะไรใคร ว่าทำไมเธออยู่เฉยๆ ส่วนในเรื่องกำลังใจให้ผู้ประสบภัยจริงๆ ไม่ค่อยกล้าพูดว่าเป็นกำลังใจ เพราะมีความรู้สึกว่าเราไม่ได้เป็นผู้ประสบภัย เขาอาจจะคิดว่าเราไม่เข้าใจหรอก ไม่ได้รู้สึกหรอก คือเราอาจจะไม่ได้เข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่ามันเจ็บปวดสูญเสียยังไงเท่าไหร่ แต่เรามีความรู้สึกร่วม เราเห็นแล้วก็มีดาวน์นิดหนึ่งเหมือนกัน ก็เป็นกำลังใจ และอยากขอชื่นชมคนที่อยู่ด่านหน้าทุกๆ คน ที่ให้หมดที่ตัวเองมี ทั้งแรงกาย แรงใจ เท่าที่ทราบมาบางพื้นที่ก็หนักมาก บางครัวเรือนเสียชีวิต ก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ ถ้าถามว่าครอบครัวน็อต ก็มีบริจาคหลอดไฟเหมือนกัน อันนี้ไม่ทราบเหมือนกัน ชมว่าสถานการณ์แบบนี้มันค่อนข้างเป็นเรื่องปกติ ที่มันจะมีติดต่อมาอยู่แล้ว แต่ว่าส่งไปที่ไหน อะไร ยังไงชมไม่แน่ใจค่ะ”