จากกรณีสาวแชร์ประสบการณ์ซื้อจี้ทองไอ้ไข่ และดอกไม้ทองคำจากร้านออนไลน์ที่มีใบเซอร์ทิฟิเคต และนำไปขายที่ร้านทอง สุดท้ายกลับขายไม่ได้ ซึ่งทางร้านทองจึงฝากเตือนประชาชนไม่ควรซื้อทองออนไลน์ แนะถ้าจะซื้อทองมาซื้อที่ร้านทองดีกว่า จะได้เห็นสินค้า ที่สามารถจับต้องและมีใบรับประกันจากทางร้าน ต่อมาเจ้าของร้านโต้กลับแล้ว ปมสาวซื้อทองเจ้าดัง พอเอาไปขายร้านไม่รับซื้อ ลั่นไม่ต้องมาปั่น ถ้าคิดว่าไม่คุ้ม ก็ไม่ต้องซื้อ! นอกจากนี้ โดยเจ้าตัวได้ออกมายืนยันกลางรายการดังแล้วว่า ทองคำดังกล่าว ไม่ใช่ทองปลอม และตนนั้นจะรับซื้อกลับคืนในราคาเดิม ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “โรสร้านทอง” ได้โพสต์ตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ในการทำรายได้มหาศาลจากสินค้าเพียงไม่กี่ชนิด หรือการขายครีมกันแดดเพียงตัวเดียวสามารถสร้างรายได้ขนาดนี้ได้อย่างไร เนื่องจากแบรนด์ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่ได้มีโฆษณาออกสื่อหรือวางขายตามร้านสะดวกซื้อ ถึงแม้จะคำนวณยอดขายจาก TikTok Shop ซึ่งเป็นช่องทางหลัก ก็ยังไม่สามารถอธิบายรายได้ที่สูงขนาดนี้
โดยเพจโรสร้านทอง ระบุข้อความว่า อยากตั้งข้อสงสัยถึงที่มาของรายได้บริษัท เลดี้คลับ จำกัด ที่มี กานต์พล เรืองอร่าม เป็นกรรมการบริษัท และกานต์พล หรือเบียร์ สามีตั๊ก โดยเป็นผู้มีอำนาจลงนาม บริษัทนี้ระบุประเภทงบการเงินปีล่าสุด คือ ร้านขายปลีกเครื่องสำอาง ซึ่งจดทะเบียนเมื่อปี 2563 ก็เลยอยากจะทราบว่า บริษัทนี้มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอะไรนอกจากครีมกันแดดปีแรก ที่ส่งงบการเงินของบริษัทมีรายได้ 13 ล้าน ปี 2564 ขึ้นมา 108 ล้าน ปี 2565 บริษัทโตมาก มีรายได้มากสุดถึง 428 ล้านบาท และปี 2566 มีรายได้ 202 ล้านบาท รายได้รวม 4 ปีกว่า 751 ล้านบาท
เพจโรสร้านทองตั้งคำถามว่า “คนเราจะสามารถรวยเกือบ 1 พันล้านบาท จากแค่ขายครีมกันแดดตัวเดียวเหรอ” ก็นั่งคิดว่าขายยังไง เพราะแบรนด์ก็ไม่ได้มีชื่อเสียง ไม่ได้เข้าไปขายตามร้านสะดวกซื้อ ไม่มีโผล่ในโฆษณา TikTok Shop เพิ่งเริ่มเข้ามาเมื่อปี 2021 ก็ตรงกับงบการเงินปี 2564 ที่มีรายได้ 108 ล้านบาท แต่คาดการณ์ว่าตะกร้าครีมกันแดด ขายได้ 2,088 ชิ้น ราคา 129 บาท รายได้ก็จะเท่ากับ 269,352 บาท และสบู่ส้ม ราคา 89 บาท ขายได้ประมาณ 23,700 ชิ้น ก็มีรายได้ 2,109,300 บาท แต่ดูรวมๆ แล้วมันจะคิดยังไงให้ได้ร้อยล้านบาท ถ้าเอารายได้ทั้งหมด 4 ปี 751 ล้านบาท มานั่งคำนวณหารสินค้าที่ขาย
อีกทั้ง เพจโรสร้านทองยังตั้งข้อสงสัยว่า ไม่รู้ว่ามีสินค้าอื่นอีกไหม แต่เคยเห็นขายอยู่แค่นี้ ถ้าเอาครีมกันแดดมาขายให้ได้ 751 ล้าน ต้องขายกี่ขวด ก็เอา 751 ล้าน หารราคาของ 129 บาท ก็เท่ากับว่า จะต้องขายครีมกันแดดให้ได้ถึง 5,821,705 ชิ้น แล้วถ้าเป็นสบู่ส้มต้องขายกี่ก้อน ก็คำนวณเหมือนเดิม ผลก็จะออกมาว่า ต้องขายให้ได้ 8,438,202 ก้อน ถึงจะได้รายได้รวมกว่า 751 ล้านบาท แค่คิดคร่าวๆ อยากตั้งสมมุติฐานอื่นก็ไปคำนวณเอาเอง แล้วคิดดูระหว่างนั้นซื้อทั้งบ้านทั้งรถ ได้นาฬิกาหรูหลายล้าน และการที่เบียร์ สามีของตั๊กมีชื่อเป็นกรรมการบริษัทและมีอำนาจเซ็นลงนามเพียงคนเดียว ดังนั้น ถ้าเงินเข้าเงินออกเงินไปไหนก็ต้องรู้สิว่ามีการใช้เงินไปในทางใด
นอกจากนี้ เพจโรสยังตั้งคำถามเพิ่มเติมว่า รายได้ 4 ปีของบริษัทเติบโตเป็นอย่างมาก และโตพุ่งแรงเกือบจะได้เป็นยูนิคอร์นตัวใหม่ของไทย ทั้งที่แบรนด์ของบริษัทไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่คนรู้จักเกือบทั้งประเทศ แต่กับแบรนด์ส้มคุณตั๊ก รายได้ 4 ปี เกือบพันล้าน แต่คนไทยแทบไม่รู้จักเลยว่าแบรนด์ที่ขายปลีกคือแบรนด์อะไร แล้วทำไมไม่เอาชื่อตัวเองใส่เป็นกรรมการบริษัท ช่างน่าสงสัย
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางด้านของคุณเบียร์ได้มีการชี้แจงในรายการโหนกระแสว่า รายได้เกือบพันล้านไม่ได้มาจากธุรกิจขายครีมกันแดดอย่างเดียวแต่ยังมีอาหารเสริมและสินค้าตัวอื่นๆ และส่วนหนึ่งมาจากชื่อเสียง ส่วนคุณตั๊กเอง ก็ระบุว่าเหตุที่ไม่มีชื่อตนในบริษัททั้งสองก็เพราะตนจดทะเบียนสมรส ทำให้สามีต้องเป็นคนจัดการกับเอกสารทุกอย่าง ส่วนตนเองก็จะทำในส่วนของการจัดการตลาด
ขอบคุณข้อมูล : โรสร้านทอง โหนกระแส และ Kornkanok Suwanbut