สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประเทศเฮติ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ว่าสืบเนื่องจากการที่รัฐบาลรักษาของเฮติประสงค์ขอรับ "ความช่วยเหลือด้านความมั่นคง" จากสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) และรัฐบาลสหรัฐ "เพื่อการรักษาเสถียรภาพด้านความมั่นคงภายใน" สืบเนื่องจากเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิส เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา
แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลวอชิงตันให้ข้อมูลว่า "ยังไม่มีแผนการในเวลานี้" ที่จะส่งทหารเข้าไปในเฮติด้วยเหตุผลดังกล่าว แต่ยืนยันว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของสหรัฐพร้อมให้ความร่วมมือด้านการสืบสวนสอบสวนกับทางการเฮติ ขณะที่สำนักงานกิจการการเมืองและการรักษาสันติภาพ ของสำนักงานยูเอ็นประจำกรุงปอร์โตแปรงซ์ เปิดเผยว่า จดหมายจากนายโคลด โจเซฟ รักษาการนายกรัฐมนตรีเฮติ "อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา" แต่ทิ้งท้ายว่า มติเห็นชอบขึ้นอยู่กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ซึ่งสหรัฐเป็นหนึ่งในสมาชิก
ส่วนหนึ่งของกลุ่มทหารรับจ้างชาวโคลอมเบีย ซึ่งฝ่ายความมั่นคงของเฮติเชื่อมั่นว่า เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิส
จนถึงตอนนี้ รัฐบาลรักษาการของเฮติยังไม่เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับ "แรงจูงใจ" ที่น่าจะผลักดันให้ "ผู้จ้างวาน" สั่งการให้กลุ่มทหารรับจ้างชาวโคลอมเบีย 26 คน และพลเมืองเฮติ-อเมริกัน อีก 2 คน เดินทางไปลอบสังหารผู้นำเฮติอย่างอุกอาจถึงภายในบ้านพัก แต่ประวัติการเมืองของโมอิสตลอดระยะเวลาที่อยู่ในอำนาจตั้งแต่ปี 2560 บ่งชี้ว่า เจ้าตัวมีศัตรูทางการเมืองรอบด้าน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่โมอิสเองก็ใช้อำนาจที่มีอยู่ กดดันและกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างหนัก และยังมีข้อครหาคอร์รัปชั่นอีกหลายเรื่องด้วย.

เครดิตภาพ : AP, REUTERS