สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ว่าจากกรณี “มีรายงานว่า” ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี ในสัปดาห์นี้ ว่า “อิสราเอลเป็นประเทศที่เกิดขึ้นได้เพราะสหประชาชาติ” ดังนั้น รัฐบาลเทลอาวีฟต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมติของยูเอ็นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในฉนวนกาซาและเลบานอน” สื่อถึงมติของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) เมื่อปี 2490
คำกล่าวของผู้นำฝรั่งเศสสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรง ให้กับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ซึ่งออกมาตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน ว่าผู้นำฝรั่งเศส “บิดเบือนความจริงและทำลายประวัติศาสตร์” และ “เป็นการไม่ให้เกียรติกัน” ด้านนายเฌราร์ ลาร์กแชร์ ประธานวุฒิสภาฝรั่งเศส กล่าวว่า ประธานาธิบดีของประเทศกำลังแสดง “ความหยิ่งผยอง” ทางประวัติศาสตร์
มาครงออกมากล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ตำหนิ “ทุกภาคส่วน” ว่าตีความและรายงานคำพูดของเขาออกไปในทางที่บิดเบือน พร้อมทั้งขอให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อมวลชน “ตรวจสอบข้อมูลและรายงานเนื้อหาด้วยความระมัดระวัง”
นอกจากนี้ ผู้นำฝรั่งเศสเน้นย้ำว่า เขา “พูดมากเกินพอแล้ว” เกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง “และไม่ต้องมีใครมาพากย์ซ้ำ” แต่ไม่ได้ชี้แจงเพิ่มเติม ว่าพูดเกี่ยวกับอิสราเอลอย่างไร “ในความเป็นจริง”
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ว่า การรายงานข่าวของสื่อมวลชนสายทำเนียบ “ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการเผยแพร่แถลงการณ์”
ปัจจุบัน การขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศเป็นหนึ่งในกิจการไม่กี่ด้าน ที่มาครงยังคงปฏิบัติเอง “ได้อย่างคล่องตัว” หลังการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดที่ไม่มีขั้วการเมืองฝ่ายใดสามารถครองเสียงข้างมาได้อย่างเด็ดขาด ในสภาผู้แทนราษฎร และการที่ผู้นำฝรั่งเศสแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีซึ่งมีจากกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับฝ่ายซ้าย.
เครดิตภาพ : AFP