เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ร.ต.ท.เจริญทรัพย์ โพธิ์พระ ร้อยเวร สภ.เมืองราชบุรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ร้านจำหน่วยวัสดุก่อสร้าง ชื่อห้าง ฮ.โฮมพลัส ตั้งอยู่บริเวณริมถนนสายห้วยชินสีห์–ทุ่งหลวง เลขที่ 131 หมู่ 8 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี  จึงประสานขอรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลห้วยชินสีห์ เข้าไปทำการฉีดน้ำดับเพลิง ก่อนจะรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่

ที่เกิดเหตุพบว่าไฟได้ลุกไหม้ภายในโกดังขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของห้าง ซึ่งภายในเก็บสต๊อกสียี่ห้อต่างๆ ทินเนอร์ รวมทั้งอุปกรณ์ก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เจ้าหน้าที่ต้องประสานขอรถน้ำดับเพลิงจากต่างพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมกว่า 30 คัน และรถโฟมมาทำการฉีดดับไฟ ส่วนชาวบ้านที่อยู่บริเวณห้องเช่าด้านข้างห้าง ต่างก็พากันขนข้าวของออกมาจากบ้านเพื่อหนีไฟกันอย่างโกลาหล

โดยโกดังหลังที่เกิดเพลิงไหม้นั้นถูกล้อมรอบด้วยกำแพงปูนทึบ ทำให้รถดับเพลิงหลายคันไม่สามารถเข้าไปถึงด้านในที่เกิดเหตุได้ แม้จะอ้อมไปด้านข้างและด้านหลัง ทำให้เป็นปัญหาต่อการดับเพลิงซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ที่เพลิงกำลังลุกโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามระดมฉีดน้ำ ต้องทุบกระจกด้านหน้าร้านทั้งหมดเพื่อระบายควันไฟออกมา และระดมฉีดน้ำเนื่องจากหากปล่อยให้ไฟไหม้นาน หวั่นว่าโครงสร้างของโกดังนั้นจะอ่อนตัว เพราะความร้อนและยุบลงมา เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการดับไฟนานกว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องคอยฉีดน้ำและโฟมเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟโหมลุกขึ้นมาอีก  

จากการสอบถาม น.ส.วันวิสาห์ ปูรณวัฒนกุล อายุ 34 ปี ผู้จัดการฝ่ายบุคคลของห้าง ฮ.โฮมพลัส ให้การว่า ด้านในนั้นเป็นโกดังขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่สำหรับเก็บสต็อกสินค้าหลายชนิด ในช่วงเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ด้านใน เนื่องจากห้างปิดแล้ว มีแต่บ้านพักคนงานที่อยู่ด้านข้างกำแพงของโรงงาน ซึ่งเห็นควันไฟลอยออกมาจากตัวโกดัง จึงได้โทรฯ ไปแจ้งทางเจ้าของห้าง และทางเจ้าของห้างก็โทรฯ มาบอกให้ตนนั้นแจ้งรถดับเพลิงมาช่วยดับไฟ แต่เนื่องจากด้านในนั้นมีแต่สินค้าที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี และเป็นสินค้าที่ไวไฟ ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร

เบื้องต้น พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ราชบุรี ได้สั่งการให้กันพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตรายห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นยังไม่สามารถประเมินได้