“ชาเขียว” หนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยม เป็นเครื่องดื่มที่ทุกคนรู้จักกันดี บทความบนเว็บไซต์ Medlatec General Hospital กล่าวถึงประโยชน์ของการดื่มชาเขียว
- ป้องกันการเกิดมะเร็ง
สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียว ช่วยให้ร่างกายต้านทานความเสียหายของอนุมูลอิสระ จึงมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย
- ดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
การดื่มชาเขียวในปริมาณที่เหมาะสม จะเป็นผลดีต่อผู้ป่วยโรคหัวใจเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในร่างกาย
- ป้องกันฟันผุและลดรอยคล้ำรอบดวงตา
สารออกฤทธิ์ในชาเขียว สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ ดังนั้นสมุนไพรชนิดนี้ จึงถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในยาสีฟัน การดื่มชาเขียวจะช่วยป้องกันฟันผุ และกลิ่นปากได้ ด้วยความสามารถในการจำกัดการขยายตัวของหลอดเลือดใต้ตา ชาเขียวจึงกลายเป็นเครื่องดื่มที่ดีมากในการรักษารอยคล้ำรอบดวงตา ไม่เพียงเท่านั้น ปริมาณคาเฟอีนและแทนนินในชาเขียว ยังช่วยลดปริมาณน้ำในเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวรอบดวงตาคล้ำและบวมน้อยลง
- ปรับปรุงภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูก
ฟลูออไรด์ในชาเขียวช่วยเสริมสร้างกระดูก การดื่มชาเขียวทุกวันยังช่วยเพิ่มความต้านทานและภูมิคุ้มกันอีกด้วย
- ปรับผิวให้สวย
EGCG เป็นสารออกฤทธิ์ในชาเขียว ที่ช่วยรักษาความยืดหยุ่น และป้องกันริ้วรอยของผิว ดังนั้นการดื่มชาเขียว จึงเป็นหนทางที่จะนำความงามตามธรรมชาติมาสู่ผิวจากภายในอย่างล้ำลึก
- ป้องกันโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
นอกจากความสามารถในการปรับปรุงการทำงานของสมองชั่วคราวแล้ว ชาเขียวยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน เนื่องจากมีสารคาเทชิน

แล้วเราควรจะดื่มชาเขียวตอนร้อน หรือเย็นดีกว่า?
Health & Life เผยว่าตามวิชาการแพทย์แผนตะวันออก ชาเขียวเป็นชาที่มีฤทธิ์เย็น ดังนั้นอย่าดื่มแบบเย็น เพราะจะทำให้ร่างกายเย็นมากเกินไป และทำให้เกิดเสมหะ ดังนั้นจึงควรดื่มแบบร้อน
ข้อควรระวังในการดื่มชาเขียว
- อย่าดื่มชาเขียวแทนน้ำ
- อย่าดื่มชาเขียวที่ชงข้ามคืน
- อย่าดื่มในขณะท้องว่าง เพราะอาจทำให้ปวดท้อง
- ห้ามดื่มชาเขียวในการรับประทานยา
- ห้ามดื่มทันทีหลังอาหาร เพราะจะไปลดการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารเข้าสู่ร่างกาย เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคโลหิตจาง
เวลาที่เหมาะสมในการดื่มชา คือหลังอาหาร 60 นาที อย่าดื่มชาเขียวก่อนนอน เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ.
ที่มาและภาพ : VTC, soha, Kevin bölling / Pixabay