เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระเทพสิทธาคม หรือ “หลวงปู่สาย กิตติปาโล” เจ้าอาวาสวัดท่าไม้เเดง จ.ตาก ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 5 หรือที่บรรดาลูกศิษย์ เรียกกันติปากว่า หลวงพ่อสาย เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มากด้วยพุทธาคมอีกรูปหนึ่ง มีชื่อเสียงด้านพุทธาภิเษก ณ ที่แห่งใด ต้องมีชื่อของท่านไปร่วมด้วยแทบจะทุกงาน ได้มรณภาพลงแล้วที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมือง จ.ตาก ด้วยโรคประจำตัว ท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาลูกศิษย์ สิริอายุ 83 ปี พรรษา 62 พรรณา โดยจะเคลื่อนศพเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ต.ค. จาก รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มายังวัดท่าไม้แดง จากนั้น เวลา 16.00 น. มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ส่วนพิธีการต่างๆ อยู่ระหว่างที่ทางราชการเป็นผู้กำหนดต่อไป

พระเทพสิทธาคม (หลวงพ่อสายทอง กิตติปาโล) หรือ หลวงพ่อสาย (ครูบาสาย) เกิดปี พ.ศ. 2480 ที่บ้านท่าไม้แดง หมู่ 3 ต.วังหิน อ.เมือง จ.ตาก บิดาชื่อ นายเจียน กันคุ้ม มารดาชื่อ นางระเบียบ กันคุ้ม มีพี่น้องรวมกัน 2 คน คือ นางทุเรียน กันคุ้ม เป็นพี่สาว ส่วนหลวงพ่อสายเป็นน้อง (เป็นพี่น้องคู่แฝดกันชายหญิง) ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ทำนา ในวัยเด็กเข้าเรียนที่โรงเรียนวัดราชศรัทธาธรรม ในวัดท่าไม้แดง สมัยนั้นต้องเรียนในศาลาวัด เรียนจบประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วไม่ได้เรียนต่อ มาช่วยทำไร่ทำนากับครอบครัว หลังจากนั้นท่านได้เข้ามาทำงานในตัวเมืองตาก โดยใช้จักรยานขี่ไปกลับระหว่างตัวเมืองตากกับบ้านท่าไม้แดง ซึ่งห่างกันประมาณ 15 กิโลเมตร ทำงานด้วยความขยันได้หลายปี

ช่วงชีวิตในวัยเด็กถึงวัยหนุ่มท่านมีเพื่อสนิทคนหนึ่งอายุรุ่นเดียวกัน มีศักดิ์เป็นญาติกัน ได้บวชเป็นพระที่วัดมณีบรรพต (วัดเขาแก้ว) อ.เมือง จ.ตาก เนื่องจากอายุ 21 ปี ถึงวัยที่จะต้องบวชเรียน และได้ชักชวนให้หลวงพ่อบวชตาม เพื่อนคนนี้ชวนกี่ครั้ง ๆ หลวงพ่อท่านก็ปฏิเสธบ่อยครั้งโดยอ้างเหตุผลว่า ต้นหมากที่ปลูกไว้หน้าบ้านยังไม่ออกดอก มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ชวนบวชอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต้นหมากออกดอกแล้ว หลวงพ่อจึงปฏิเสธไม่ได้ และต้องบวชเรียนตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ โดยบวชที่วัดเขาแก้วเช่นเดียวกันกับเพื่อน โดยมีหลวงพ่อตุ่นเป็นพระอุปัชฌาจารย์ หลวงพ่อห้อนเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูทินเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากเมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว หลวงพ่อได้ศึกษาเรื่องทางธรรมกับพระอาจารย์ทั้ง 3 ท่านอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะหลวงพ่อตุ่นและหลวงพ่อห้อน (หลวงพ่อห้อนเป็นพระรุ่นเดียวกันและสนิทกับหลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย) ศึกษาธรรมและเวทมนตร์คาถาต่าง ๆ จนแจ่มแจ้ง แล้วท่านได้ขออนุญาตหลวงพ่อตุ่นไปศึกษาภาษาบาลีที่วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) ที่กรุงเทพฯ เสร็จแล้วกลับมาประจำอยู่ที่วัดเขาแก้ว หลังจากนั้นหลวงพ่อตุ่น ได้ให้ไปรักษาการเจ้าอาวาสที่วัดปทุมคีรี ตำบลหนองหลวง อำเภอเมือง จังหวัดตาก วัดปทุมคีรีแห่งนี้เป็นวัดที่อยู่ใกล้กับบ้านของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านเป็นคนตากแต่โดยกำเนิด

ในปี พ.ศ. 2508 หลวงพ่อได้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าไม้แดง ซึ่งหลวงพ่อมัด เจ้าอาวาสองค์ก่อนได้มรณภาพลง และเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าไม้แดงตลอดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันร่วม 50 ปี ในช่วงที่ท่านอยู่ที่วัดท่าไม้แดง ได้พัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก มีการสร้างโบสถ์, ศาลาวิหารต่าง ๆ สร้างโรงเรียนวัดท่าไม้แดง อีกทั้งสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิงที่หน้าวัดและสร้างอ่างเก็บน้ำที่ตำบลแม่ท้อ ทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก ในช่วงอยู่วัดท่าไม้แดง หลวงพ่อท่านได้ไปศึกษาจากเกจิอาจารย์ดัง ๆ หลายท่าน เช่น ครูบาวัง วัดบ้านเด่น จ.ตาก หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย จ.สุโขทัย ครูบาสร้อย วัดท่าสองยาง จ.ตาก เป็นต้น โดยเฉพาะครูบาวัง ท่านได้ถ่ายทอดวิชาการทำตะกรุดโทนให้กับหลวงพ่อและคาถาเวทย์อีกหลายอย่าง โดยเน้นหนักไปทางเมตตามหานิยม สำหรับหลวงพ่อปี้ วัดด่านลายหอย ท่านได้เดินทางไปหาหลวงพ่อปี้ กว่าจะได้ศึกษาอักขระยันต์และคาถาต่างๆ จะได้มาทีละตัวต้องไปกันหลายรอบ ไปครั้งหนึ่งไปมาไม่กี่ตัวอักขระ เพราะหลวงพ่อปี้ท่านไม่ค่อยจะถ่ายทอดให้กับศิษย์ผู้ใดอย่างง่าย ๆ

ลำดับชั้นสมณศักดิ์ที่ได้รับ โดยเริ่มจากเป็นพระครูพิพัฒน์กิตติคุณ (สาย), พระวิจิตรพิพัฒโนดม (สาย) และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นพระราชวิทยาคม ธรรมาภรณ์มหาคณิสสร บวรสังฆารามคามวาสี (หลวงพ่อสาย) เป็นเจ้าคณะอำเภอ และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดตากจนถึงปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2557 และ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เป็น พระราชาคณะชั้นเทพ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระเทพสิทธาคม อุดมญาณปรีชา ภาวนาพิธานวิภูษิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี