สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปารีส เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ว่า นายฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รมว.การต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวในการปิดการประชุมว่า ฝรั่งเศสสามารถรวบรวมความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้รับเงินอีกประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,760 ล้านบาท) สำหรับกองกำลังความมั่นคง ทำให้ยอดรวมอยู่ที่เกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,800 ล้านบาท) หรือมากกว่านั้น เนื่องจากการบริจาคครั้งล่าสุด
The Conference in Support of #Lebanon’s People and Sovereignty was held in Paris today.
— France Diplomacy ???????????????? (@francediplo_EN) October 24, 2024
Commitments ⤵️@EmmanuelMacron @jnbarrot
ทั้งนี้ ยอดรวมดังกล่าวเกินเป้าหมายที่ฝรั่งเศสไว้ 500 ล้านยูโร (ราว 18,300 ล้านบาท) และมากกว่าจำนวนเงิน 400 ล้านยูโร (ราว 14,600 ล้านบาท) ที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร้องขอไว้สำหรับเลบานอน ซึ่งบาร์โรต์กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,500 ราย และผู้พลัดถิ่นเกือบ 1 ล้านคน ในการสู้รบตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา
ฝรั่งเศส ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์กับเลบานอน และมีชาวเลบานอนพลัดถิ่นอยู่ในประเทศเป็นจำนวนมาก กำลังผลักดันข้อตกลงหยุดยิง 21 วันร่วมกับสหรัฐ เพื่อเปิดพื้นที่ในการหาข้อตกลงสงบศึกที่ยั่งยืนมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลปารีส ยังต้องการนำข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) กลับมาใช้
“สงครามต้องยุติโดยเร็วที่สุด และต้องมีการหยุดยิงในเลบานอน” ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวขณะนั่งข้างกับนายกรัฐมนตรีนาจิบ มิกาตี ผู้นำเลบานอน ซึ่งเขาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมมือกัน และสนับสนุนความพยายามในการหยุดยิงทันที
อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าทางการทูตของรัฐบาลปารีสกลับถูกจำกัด เนื่องจากข้อตกลงการหยุดยิงในเลบานอน จำเป็นต้องมีอิสราเอล และอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เข้ามามีส่วนร่วม แต่ทั้งสองประเทศไม่ได้รับเชิญร่วมการประชุมครั้งนี้.
เครดิตภาพ : AFP