เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ อาจาติ รอง สว.(สอบสวน)สภ.เมืองระนอง รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 ศพ ในซอยโรงเรียนอนุบาลสุพัชชา หมู่ 1 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ. พรพรหม จักษุรักษ์ ผกก.สภ.เมืองระนอง ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ระนอง แพทย์นิติเวช รพ.ระนอง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์

ที่เกิดเหตุภายในสำนักงานขายโรงจำหน่ายน้ำดิบบ่อบาดาล พบศพ น.ส.มรกต ไกรวนากุล หรือเจ๊หอม อายุ 52 ปี เจ้าของโรงน้ำดังกล่าว สภาพศพนั่งพิงกำแพงกองเลือดอยู่หลังโต๊ะทำงานมีบาดแผลถูกจ่อยิงศีรษะ ท้อง และลำคอ รวม 3 นัดที่เกิดเหตุยังพบหัวกระสุนขนาด .38 ตกอยู่ 2 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนผู้ก่อเหตุทราบว่าคือนายทวี (สงวนนามสกุล) อายุ 88 ปี หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้าไปในบ้านพักในซอยข้างโรงน้ำ เดินเข้าในซอยแคบติดรั้วข้างโรงน้ำ ห่างจุดเกิดเหตุแรกเพียง 20 เมตร พบศพ นายทวี นั่งพิงเก้าอี้พลาสติกอยู่บนระเบียงหน้าบ้านพักตัวเอง มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกันที่ขมับขวากะโหลกเปิดมันสมองกระจายเกลื่อน ที่พื้นพบปืนลูกโม่ขนาด .38 ตกอยู่ ตรวจสอบในลูกโม่พบปลอกกระสุนถูกยิงออกไปแล้ว 4 นัด จึงเก็บและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพทั้งสองส่งนิติเวช รพ.ระนอง ชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เดิมนายทวี เป็นอดีตไต๋เรือประมงพักอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวในซอยข้างโรงน้ำกับบุตร 2 คน ส่วนภรรยาไปรักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพ ต่อมาประมาณ 5-6 ปี เจ๊หอม มาซื้อกิจการโรงน้ำบริหารกิจการ กระทั่งเมื่อประมาณ 2 ปี ที่แล้วได้มีการรังวัดที่ดินโรงงานใหม่หมดจนมีการตรวจสอบโฉนดที่ดินของโรงน้ำพบว่า ถนนพื้นที่หน้าโรงน้ำไม่ได้เป็นทางสาธารณะ จึงมีการสร้างรั้วเหล็กปิดสแลนด์สีเขียวไว้ปิดซอยข้างโรงน้ำ ทำให้นายทวี ซึ่งมีบ้านพักที่อาศัยอยู่ในซอยดังกล่าวมานานกลายเป็นที่ตาบอดไม่มีทางเข้าออก ทำให้คาใจแต่เพื่อนบ้านก็มาช่วยปรับความเข้าใจและทางโรงน้ำจึงเปิดทางให้เข้าออกกว้างประมาณเมตรครึ่งก็เลิกลากันไป

กระทั่งระยะหลังๆนายทวี มีอาการป่วย ทางโรงน้ำยังช่วยเหลือพาไปหาหมอ จากนั้นเริ่มมีอาการเปลี่ยนไป มักจะบ่นและมีปากเสียงทะเลาะกับทางโรงน้ำเรื่องที่ดินที่เคยเป็นทางเข้าออกบ่อยครั้ง ก่อนเกิดเหตุช่วงกลางวันนายทวี เดินออกมามีปากเสียงทะเลาะกับเจ๊หอม แล้วครั้งหนึ่ง กระทั่งช่วงค่ำนายทวี มาหาเจ๊หอมและมีปากเสียงทะเลาะกันอีก ก่อนใช้ปืนยิงเสียชีวิตแล้วกลับไปยิงตัวเองตายตาม

ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากความเครียดหลังนายทวี เริ่มอายุมากขึ้น ประกอบกับอาการป่วยทำให้กลับมาคิดมากเรื่องพิพาทที่ดินที่ฝังอยู่ในหัวจนเกิดความเครียดก่อเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป