เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการศัลยกรรมและเสริมความงาม ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตและขยายตัวอย่างมากทั้งในไทยและตลาดโลก จากเทรนด์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของความงามและผิวพรรณมากขึ้น โดยมักจะเลือกใช้บริการจากสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น คลินิก หรือโรงพยาบาลเฉพาะทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงเปิดโอกาสให้บุคคลบางกลุ่มเข้ามารับบทเป็นเอเจนซี่หรือกูรู ด้านความงาม มาให้คำแนะนำ และชักชวนประชาชนให้เข้ารับบริการศัลยกรรมเสริมความงามกับสถานพยาบาลทั้งในหรือต่างประเทศ
ทั้งนี้ การที่ประชาชนให้ความสำคัญต่อสุขภาพและความงามย่อมเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม การรับบริการทางการแพทย์ทุกประเภทจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อย่าด่วนตัดสินใจเลือกรับบริการเพียงเพราะรับข้อมูลโฆษณา หรือคำแนะนำจากเอเจนซี่ หรือกูรู แม้บางรายมีการยกอาชีพว่าเป็นแพทย์หรือเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านเสริมความงามมากล่าวอ้าง แต่ก็ไม่สามารถเป็นเครื่องการันตีถึงความปลอดภัย ด้วยบริการทางการแพทย์ทุกชนิดมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคจึงอาจจะไม่ได้รับผลลัพธ์ตรงตามที่กล่าวอ้าง ประการสำคัญ การรับบริการจากคลินิก หรือโรงพยาบาลเอกชนในต่างประเทศนั้น หากผู้บริโภคได้รับผลกระทบต่อสุขภาพหรือร่างกายจากบริการแล้ว กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานพยาบาลของประเทศไทย ก็มิได้มีผลคุ้มครองจากกรณีดังกล่าว ซึ่งอาจจะส่งผลให้การดำเนินคดี หรือการเรียกค่าชดเชยเป็นไปได้ยาก
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ดังนั้น เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค กรม สบส. จึงมีระบบเฝ้าระวังการกระทำผิดกฎหมายสถานพยาบาล โดยศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ตรวจสอบการเผยแพร่โฆษณาของสถานพยาบาลผ่านสื่อโซเชียลอย่างใกล้ชิด หากพบเบาะแสว่ามีเอเจนซี่ หรือกูรู ทำการโฆษณาชักชวนประชาชนให้เข้ารับบริการกับสถานพยาบาลเอกชนในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จะมีการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ในฐานทำการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุมัติ และหากตรวจสอบพบว่าเนื้อหาของโฆษณา เข้าข่ายเป็นเท็จ โอ้อวดเกินความจริง ซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้ง จะมีการขยายผล ติดตามพฤติกรรม ตรวจสอบไปถึงผู้ที่คาดว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด หรือมีความผิดตามกฎหมายอื่นที่มีความเชื่อมโยงในระบบออนไลน์
ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการคุ้มครองผู้บริโภคได้ หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับระบบริการสุขภาพ อาทิ คลินิกเถื่อน หมอเถื่อน การโฆษณา โอ้อวด เกินจริง ฯลฯ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กรม สบส. ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0-2193-7000.