สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ว่านายเวดันต์ ปาเทล รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวถึงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ว่าในภาพรวมยังไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่หากอ้างอิงตามจดหมายซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลวอชิงตันส่งถึงอิสราเอล เมื่อเดือนที่แล้ว ใจความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ความพึงพอใจหรือไม่ แต่สิ่งที่สหรัฐต้องการคือ “ความพยายามอย่างจริงจัง” ของอิสราเอล
ทั้งนี้ นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ และพล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ ร่วมกันส่งหนังสือถึงรัฐบาลอิสราเอล แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ต้องการให้อิสราเอล “เริ่มดำเนินการทันทีและต้องเสร็จสิ้นภายใน 30 วัน” คือจนถึงวันที่ 13 พ.ย. ดำเนินการแบบใดก็ตาม ให้ฉนวนกาซาได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มขึ้น รวมถึงการอนุญาตให้มีรถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือผ่านด่านทั้ง 4 แห่ง ไม่น้อยกว่าวันละ 350 คัน และการยุติปิดล้อมพื้นที่ทางเหนือของฉนวนกาซา
บลิงเคนและ พล.อ.ออสติน เตือนว่า หากไม่ปฏิบัติตามหรือดำเนินการไม่เต็มที่ “เรื่องนี้อาจมีผลต่อนโยบายของสหรัฐที่มีต่ออิสราเอล” จากการที่กฎหมายของสหรัฐระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถระงับความสนับสนุนทางทหาร ให้แก่ประเทศที่ขัดขวางความพยายามมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของรัฐบาลวอชิงตัน
แม้อิสราเอลยืนยันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ว่ามีการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติม เพื่อให้รถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือประชาชน สามารถเดินทางเข้าสู่ฉนวนกาซาได้มากขึ้น แต่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และหน่วยงานบรรเทาทุกข์อีกหลายแห่ง ประเมินตรงกัน ว่าจำนวนรถบรรทุกที่ผ่านด่าน ยังไม่ถึง 350 คันต่อวัน ตามที่สหรัฐกำหนด ซึ่งปาเทลกล่าวเพียงว่า “กำลังมีการประเมินอย่างละเอียด”
ด้านกลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์ ประณามอิสราเอลสมคบคิด “สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ในฉนวนกาซา.
เครดิตภาพ : AFP