เมื่อเวลา 12.25 น. วันที่ 14 พ.ย. ที่ จ.อุดรธานี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการขึ้นเวทีปราศรัยในวันนี้ (14 พ.ย.) ว่า พอขึ้นเวทีแล้วรู้สึกว่าอายุเหมือน 25 ปี แต่พอลงมาแล้วเหมือนอายุ 75 ปี ซึ่งที่พูดไปก็ขึ้นอยู่กับคนฟัง ถ้าคนฟังเขาอยากฟัง ก็มีความสนุกสนาน ก็มีอารมณ์อยากจะพูดด้วย เมื่อถามว่าดูเหมือนเครื่องเริ่มติดแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า เครื่องติดแต่พอกลับไปถึงโรงแรมก็หลับ (พร้อมกับทำท่านอน)
เมื่อถามว่าการที่นายทักษิณ ย้ำหลายครั้งในการปราศรัยว่าตัวเองกลับมาแล้วนั้น มีอะไรที่เป็นปัจจัยใหม่ทำให้ตัดสินใจกลับมาขึ้นเวทีทางการเมือง ทั้งที่เคยบอกว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีอะไร แค่อยากช่วยบ้านเมือง ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นคนไทย มันก็อดไม่ได้ที่จะห่วงใยบ้านเมือง เห็นอะไรไม่ดี ก็อดไม่ได้ จึงต้องตั้งตำแหน่งให้ตัวเอง ว่า “สทร.” (เสือกทุกเรื่อง) ด้วยความห่วงใย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ปราศรัยเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งได้พูดถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ประกอบกับมีกระแสข่าวที่ว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ถึงตรุษจีนปี 2568 นายทักษิณ กล่าวว่า เอาที่วิเคราะห์ ก็คิดว่าน่าจะอยู่ครบเทอม ไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นปัญหา พรรคร่วมเห็นต่างกันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถึงเวลาเขาก็คุยกันรู้เรื่องหมด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญแต่ละพรรคร่วมคุยกัน ก็รู้เรื่องหมด
เมื่อถามว่า คดีความต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีโดนร้องนั้น จะเป็นอุปสรรคทำให้พรรคร่วมรัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไร คือกฎหมายของบ้านเราอยู่ที่คนจะตีความ ถ้าคนอยากจะหาเรื่อง มันก็คิดหาเรื่องทุกวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ต้องให้ความสำคัญมาก เราทำอะไรให้ถูกต้อง ก็เท่านั้น
ต่อข้อถามว่าการที่นายทักษิณปราศรัย ใช้คำว่า “กฎหมายเฮงซวย” ตอนที่พูดนั้น คิดถึงเรื่องอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า “ผมจำไม่ได้ แต่กฎหมายเรา ไปแก้โดยมองตนมากไป ช่วงนั้นเขากลัวผม พยายามเขียนกฎหมายกันนั่นกันนี่ แต่กันไปกันมาไม่ได้ กันผมแค่คนเดียว กลายเป็นกันทั้งระบบ แทนที่จะมีคนมาช่วยทำงานให้บ้านเมือง คนตั้งใจและมีความปรารถนาที่ดี มีความคิดดีๆ มาช่วยกัน ก็จะมีปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากเข้ามา เมื่อไม่มีใครอยากเข้ามา ก็ได้คนที่มีคุณภาพไม่พอเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ ขณะที่ทั้งโลกพยายามระดมคนหัวดีมาช่วยงานกัน แต่บ้านเราเอาเฉพาะพวกเดียวกัน แบบนี้นั้นไม่ได้ ต้องเห็นแก่ส่วนรวม”
เมื่อถามว่าที่พูดบนเวทีว่ามีคนอิจฉา หมายถึงใคร หรือกลุ่มใด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้ว่าทุกคนเดาได้ การแข่งขันทุกอย่างต้องมีกติกา เมื่อจบการแข่งขัน ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากัน มีสปิริตความเป็นนักกีฬา ไม่ใช่บอกว่าบอลแข่งแพ้ แล้วใช้ปืนยิง อย่างนี้มันใช้ไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าโครงสร้างของรัฐบาลในขณะนี้เทอะทะเกินไป ควรจะแก้ไขอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ระบบราชการของประเทศไทย ขยายในช่วงที่ตนไม่อยู่ 17 ปี แล้วส่วนราชการที่ขยายมากคือส่วนภูมิภาค และแทนที่จะกระจายอำนาจให้ประชาชนมากขึ้น กลับไปเพิ่มอำนาจให้ภาครัฐ ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชน ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายสูง ระบบราชการเทอะทะ และประชาชนไม่มีสิทธิมีเสียง
เมื่อถามว่าที่พูดบนเวทีว่ากลางปีประเทศไทย จะมีแสงสว่าง จะมีอะไรออกมาให้ประชาชนเห็น นายทักษิณ กล่าวว่า เชื่อว่างานที่ตนและนายกฯ แพทองธาร จะเริ่มเห็นความชัดเจนขึ้น ซึ่งนายกฯ จะแจ้งก่อนสิ้นปีนี้ และก็จะสัมฤทธิผลแทบทุกอย่าง ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมถึงการแก้ไขปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีที่เคยให้สัมภาษณ์ที่วัดคลองครุ ว่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อกินมาม่า ว่า “ผมบอกแล้วว่ามาม่าอร่อย ผมโฆษณาให้มาม่า” เมื่อถามว่าระหว่างดูแลครอบครัวชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ให้ยิ่งใหญ่จะต้องทำอย่างไร นายทักษิณ ระบุว่า ไม่ต้องทำอะไรเลย