เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ จ.อุดรธานี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของนายศณิศร ขุริรัง ผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ฝากชาวอุดรฯ บอกพรรคประชาชนว่าไม่ต้องแข่งเสนอกฎหมายใหม่ แต่ให้ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคของประชาชน ว่า อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เพราะที่ผ่านมา แต่ละพรรคการเมืองก็พูดถึงการกิโยตินกฎหมาย ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคก้าวไกล ซึ่งกฎหมายทั้งหมดมี 7,000 ฉบับ ซึ่งตอนไปประชุมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ก็มีการพูดคุยเรื่องนี้ แต่ของพรรคประชาชน มีการร่างกฎหมายใหม่เพื่อยกเลิกกฎหมายเก่า เช่น กฎหมายยุบ กอ.รมน. กฎหมายอำนวยความสะดวกหลายๆ เรื่อง จะต้องเอากฎหมายใหม่มายกเลิกกฎหมายเก่าที่มีประกาศราชกิจจานุเบกษา

“รับคำท้าคุณทักษิณเลยว่ามีกฎหมายอะไรที่อยากจะยกเลิก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายส่งออกข้าวที่คุณทักษิณพูดถึง รวมถึงอีก 3,000-4,000 ฉบับ ทั้งเป็นพระราชบัญญัติ พระราชกำหนด ประกาศกฎกระทรวง ที่คิดว่ามันล้าหลังได้เลย ตอนที่ยังเป็น 312 เสียง รวมเสียงรัฐบาลอยู่ มีการประชุม พรรคเพื่อไทยก็คุยกันเรื่องนี้ มีความเห็นที่หลากหลาย ซึ่งจะไปในทางไหน ไม่ว่าจะพรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคก้าวไกล ก็เป็นประโยชน์กับประชาชน เอสเอ็มอี กฎหมายมีเยอะแยะใช้เพื่อดุลพินิจ แต่เมื่อมีการใช้เยอะก็คอร์รัปชั่นกันได้มากขึ้น รับคำท้าคุณทักษิณ มาช่วยกันยกเลิกกฎหมาย แต่การยกเลิกเป็นอำนาจของกระทรวง ทบวง กรม ยกเลิกได้” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวถึงกรณีมาตรา 112 ที่นายทักษิณ อ้างอิงว่าบอกพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปแล้วว่าอย่าแตะโครงสร้าง ว่า บริบทยังไม่ชัดเจนที่จะแสดงความเห็น แต่ในมุมมองยังยึดว่า การแก้ไขของรัฐสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ส่วนตัวไม่ได้ฟังนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ แต่เข้าใจว่านายทักษิณ พูดคือ ม.112 เป็นสิ่งหนึ่งที่ตัวนายทักษิณเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และปัญหา ม.112 อยู่ที่คณะกรรมการและกระบวนการบังคับใช้

“ที่ฟังมาถ้าไม่ผิด หมายถึงถ้ามีคณะกรรมการมากลั่นกรองว่าก่อนจะฟ้องหรือไม่ให้ส่งฟ้องเป็นประโยชน์ เพราะกฎหมายอยู่ที่การปฏิบัติ ก็ตั้งมาเลย ตอนนี้ผ่านมาปีกว่าแล้ว ก็ตั้งก่อนมาได้ หากไม่สามารถแก้ไขกฎหมายได้ คิดว่าอย่างน้อยอาจไม่ได้ตามจุดประสงค์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยหากได้ 50% ก็ยังดีกว่าไม่มี ก็ยังเห็นด้วยหากคิดว่าจะเริ่มต้นจากตรงนั้น ก็ขอให้นายกฯ แพทองธาร ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองการบังคับใช้กฎหมาย 112 ในการส่งฟ้องประชาชน จะได้ไม่มีการฟ้องแกล้งกัน แต่หากยังทำเท่านี้แล้วยังมีปัญหาอยู่ ก็ต้องถึงเวลาที่ต้องแก้ไขตามกรอบที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาต เพื่อที่จะให้การเมืองไม่ได้มีการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีกัน” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ยังกล่าวถึงการชี้แจงกลับของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าในเรื่องนี้ ว่า การให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ อาจจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในเจตนาของพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนในตอนนี้ว่า เห็นเช่นเดียวกัน แต่ก็เชื่อมั่นประชาชนที่ได้แยกแยะออก เพราะการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับทหาร หรือการแก้โครงสร้างทะลายทุนผูกขาด และไม่ได้เห็นต่างจากนายทักษิณ เพียงแต่หมดเวลาพูด และถึงเวลาที่จะทำ ซึ่งบางเรื่องฝ่ายค้านเริ่มได้ ให้รัฐบาลทำตาม และบางเรื่องรัฐบาลริเริ่ม และหากฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน ก็ยินดีให้ความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นความเท่าเทียมทางโอกาส หรือคณะกรรมการกลั่นกรองการฟ้องมาตรา 112 สามารถทำได้เลย หรือการยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคของประชาชน ก็สามารถทำได้เลย.