สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พบหารือกันนอกรอบการประชุมสุดยอด ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ( เอเปค ) ที่กรุงลิมา เมื่อวันเสาร์ โดยเป็นการพบหารือกับผู้นำจีนเป็นครั้งสุดท้ายของไบเดน ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ


ทั้งนี้ สำนักข่าวซินหัวและสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน ( ซีซีทีวี ) เผยแพร่แถลงการณ์ของผู้นำจีน ว่ารัฐบาลปักกิ่งพร้อมและยินดีทำงานร่วมกับรัฐบาลวอชิงตันชุดใหม่ เพื่อรักษาเสถียรภาพของการติดต่อสื่อสาร การขยายขอบเขตความร่วมมือ และการจัดการความเห็นต่างด้านนโยบาย เพื่อการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น ในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน


ขณะเดียวกัน ผู้นำจีนกล่าวว่า ทั้งสองประเทศพึงตระหนักอยู่เสมอ ว่าทิศทางของความสัมพันธ์ที่มีต่อกันส่งผลกระทบต่อทั้งโลก ดังนั้น การมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นย่อมสร้างความมั่นคง และเป็นพลังขับเคลื่อนเชิงบวก ให้กับโลกที่กำลังเผชิญกับความวุ่นวาย


ด้านไบเดนกล่าวว่า มีความพึงพอใจอย่างมากกับ “ความก้าวหน้า” ที่ทั้งสองประเทศปฏิบัติร่วมกัน โดยเฉพาะการที่จีนและสหรัฐไม่ทำให้การแข่งขันลุกลามขยายวงเป็นความขัดแย้ง

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน พบหารือกันนอกรอบ การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู

นอกจากนี้ มีรายงานเพื่มเติมจากแหล่งข่าว ว่าไบเดนและสีหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ไต้หวัน และทะเลจีนใต้ ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันยืนยันว่า ต้องการลดความตึงเครียดในบริเวณนี้


ก่อนการพบหารือกับไบเดน สีมีแถลงการณ์ต่อที่ประชุมเอเปค ซีอีโอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสุดผู้นำยอดเอเปค เตือนว่า โลกกำลังเข้าสู่ยุคของ “การใช้อำนาจฝ่ายเดียว” และ “การกีดกันทางการค้า”


ผู้นำจีนแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับ “การแบ่งแยก” ทางเศรษฐกิจ ที่กำลังเพิ่มขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน ร่วมด้วยความปั่นป่วนกับความเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มมากขึ้น และเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน “รักษาความราบรื่นและเสถียรภาพ”


ผู้นำจีนกล่าวด้วยว่า ความพยายามใดก็ตามที่ต้องการลดความพึ่งพาอาศัยกันของระบบเศรษฐกิจโลก “เป็นกระบวนการที่ถอยหลัง” ส่งสัญญาณถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งต้องการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ในอัตราที่สูงไม่ต่ำกว่า 60%.

เครดิตภาพ : AFP