จากกรณี เฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘จือปาก’ โพสต์เรื่องจากหญิงคนหนึ่ง ที่เป็นป้าของ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 3 ขวบ ถูกพ่อแม้แท้ๆทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสเยื่อหุ้มในสมองอักเสบ ตามร่างกายมีแต่รอยแผลถูกบุหรี่จี้ตามตัว ก่อนพาเด็กไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล แล้วหลบหนีไป ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้การแชร์ภาพดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมกับขอข้อมูลติดต่อผู้เสียหาย รวมทั้งพื้นที่เกิดเหตุเป็นของโรงพักไหน เพื่อทำการช่วยเหลือ ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

สลด!ชาวเน็ตวอนช่วยหนูน้อย3ขวบ ถูกพ่อแท้ๆทำร้ายสาหัสแถมเอาไปทิ้งรพ.

ควมคืบหน้า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ร.ต.อ.ประยุทธ นุชนารถ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้นำตัว นายเมย์ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี กับ น.ส.รี (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี พ่อแม่แท้ๆของ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) มาสอบสวนปากคำ หลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี นำกำลังเข้าไปจับกุมได้ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ที่ถนนนางแว่นแก้ว ต.รั่วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้หลังจากยายของเด็ก ได้เข้าแจ้งความ ทางตำรวจได้โทรฯหาพ่อเด็ก เจ้าตัวรับสายแต่อ้างว่าอยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้กลับสุพรรณฯเลย และไม่รู้เห็นในเรื่องของลูกที่ถูกทำร้าย จึงเร่งทำการสืบสวนจนพบว่า พ่อแม่ของเด็กแอบมาเช่าห้องและซ่อนตัวอยู่ในห้องเช่าแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุพรรณบุรี หลังจากสืบทราบแน่ชัด จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพร้อมนำตัว พ่อแม่เด็ก มาสอบสวน

เบื้องต้นพ่อแม่เด็กยังให้การภาคเสธ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม ประกอบกับต้องรอผลยืนยันอาการของเด็กจากทางแพทย์ รวมทั้งจะให้เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพสอบปากคำ พี่ชายของ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 7 ขวบ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตก่อนแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

ต่อมานายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รอง ผวจ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.กฤศ จันทร์สว่าง ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เปิดเผยภายหลังสอบปากคำพ่อแม่เด็กว่า จากการสอบปากคำแม่เด็กยอมรับสารภาพว่า สามีเป็นคนลงมือทำร้ายร่างกายลูกจริง ส่วนสาเหตุนั้น ทำต้องรอสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนพ่อเด็กยังให้การวกวนและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ทั้งนี้จากการตรวจสอบร่างกายของทั้งพ่อและแม่เด็กพบสารเสพติดทั้งคู่ จึงแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ความคผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ความคิดตาม พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว และเสพยาเสพติด โดยเบื้องต้น พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวทั้งพ่อและแม่เด็ก จากนี้จะคุมไปฝากขัง ส่วนเด็กทั้ง 2 คน อาศัยกับตายายชั่วคราวไปก่อน และหลังจากนี้จะประสานงานกับ พม. ให้พิจารณาถึงการเลี้ยงดูบุตร ว่าสามารถเลี้ยงดูได้หรือไม่