ดร.เรย์นัลโด ออร์ทิซ อดีตวิสัญญีแพทย์โดนจับกุมและพบว่ามีความผิดตามข้อหาปลอมปนยาโดยเจตนา 5 กระทง, ดัดแปลงผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง  4 กระทงและดัดแปลงผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค 1 กระทง

เลห์อา ไซมอนทัน อัยการรัฐจากเขตเหนือของรัฐเทกซัสเปรียบเปรยการกระทำของออร์ทิซว่าเหมือนการ “สาดกระสุนใส่ฝูงชนแบบไม่เลือกหน้า” โดยระบุว่า ออร์ทิซใช้ “อาวุธที่มองไม่เห็น” ซึ่งก็คือการผสมยาหลายชนิดที่มีฤทธิ์ทำให้หัวใจหยุดเต้น จากนั้นก็ลักลอบใส่ลงไปในถุงน้ำเกลือสำหรับคนไข้

ศาลรัฐบาลกลางพิพากษาให้ออร์ทิซรับโทษจำคุก 2,280 เดือนหรือ 190 ปี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ฝ่ายทนายความของจำเลยแสดงความไม่เห็นด้วยต่อคำตัดสินและเตรียมใช้สิทธิยื่นคำร้องขออุทธรณ์คดี

เรย์นัลโด ออร์ทิซ อดีตวิสัญญีแพทย์ซึ่งได้รับการตัดสินโทษจำคุก 190 ปี

สำนักงานอัยการรัฐชี้ว่า มีการค้นพบพฤติกรรมลอบทำร้ายคนไข้โดยไม่เลือกเป้าหมายของออร์ทิซว่าอยู่ระหว่างเดือน พ.ค.-ส.ค. 2565 หลังจากพบว่ามีผู้ป่วยหลายรายที่ศูนย์การแพทย์เบย์เลอร์, สกอตต์ แอนด์ ไวท์เซอร์จิแคร์ นอร์ท ดัลลัส เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส มีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันระหว่างกระบวนการรักษาตามปกติ  

ระหว่างนั้น ดร.เมลานิก แคสปาร์ วิสัญญีแพทย์หญิงซึ่งทำงานในศูนย์การแพทย์แห่งนี้ เสียชีวิตหลังจากที่เธอใช้ถุงน้ำเกลือในคลินิกระหว่างให้น้ำเกลือตัวเองเพื่อบรรเทาภาวะขาดน้ำ

ในเดือน ส.ค. 2565 ทีมแพทย์เริ่มสงสัยว่าถุงน้ำเกลืออาจมีปัญหา เมื่ออาการของผู้ป่วยวัย 18 ปีอยู่ในภาวะวิกฤติระหว่างการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคไซนัสตามปกติ หลังจากนั้นได้มีการนำถุงน้ำเกลือไปตรวจสอบและพบหลักฐานการผสมยาหลายชนิดลงไปในน้ำเกลือ เช่น ยาระงับประสาท, ยากระตุ้นประสาทและยาสลบ

อัยการกล่าวระหว่างพิจารณาคดีว่า ออร์ทิซฉีดยาหลายชนิดเข้าไปในถุงน้ำเกลือที่ใช้สำหรับการให้น้ำเกลือทางเส้นเลือด ได้แก่ ยาอีพิเนฟริน, บูพิวาเคน และยาอื่นๆ ก่อนจะนำไปใส่ในเครื่องอุ่นน้ำเกลือเพื่อให้เพื่อนร่วมงานนำไปใช้

นอกจากนี้ยังมีคลิปวิดีโอที่นำเสนอเป็นหลักฐานซึ่งแสดงให้เห็นภาพของออร์ทิซ “หยิบถุงน้ำเกลือจากเครื่องอุ่นน้ำเกลือแล้วนำกลับไปใส่ใหม่หลายครั้ง”  ในช่วงเวลาไม่นานก่อนที่ถุงน้ำเกลือเหล่านั้นจะถูกส่งเข้าไปในห้องผ่าตัด 

ทีมแพทย์ให้การว่า เกิดเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ในเวลาไม่นานหลังจากมีการเปิดใช้ถุงน้ำเกลือถุงใหม่ในระหว่างการผ่าตัด

จอห์น แคสปาร์ สามีของ ดร.แคสปาร์ ชี้ว่า การกระทำของออร์ทิซไม่ได้เกิดจากความมุ่งร้ายเฉพาะตัว แต่เป็นการคิดคำนวณล่วงหน้าไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ออร์ทิซไม่ได้โดนตั้งข้อกล่าวหาว่าฆาตกรรมภรรยาของเขา

เดวิด ก็อดบีย์ ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐกล่าวเมื่อวันพุธว่า ออร์ทิซเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของ ดร.แคสปาร์ และกล่าวถึงการกระทำอื่นๆ ของเขาว่า “เท่ากับพยายามฆ่า” 

ในช่วงที่พบคนไข้ประสบภาวะฉุกเฉินเกี่ยวกับหัวใจ ออร์ทิซกำลังโดนสอบวินัยเนื่องจากพบว่ามี “ความผิดพลาดทางการแพทย์” เกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัดของเขาเองและอาจโดนเพิกถอนใบอนุญาต 

ต่อมา คณะกรรมการการแพทย์ของรัฐเทกซัสได้ระงับใบอนุญาตวิชาชีพของออร์ทิซในเดือน ก.ย. 2565 หลังจากพิจารณาแล้วพบว่า หากเขายังคงประกอบวิชาชีพแพทย์ต่อไป อาจเป็น “ภัยคุกคามต่อสวัสดิภาพของสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง”

ที่มา : nbcnews.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES