เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 21.00 น. วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.วรวิทย์ จันปวงเสน สว.(สอบสวน) สภ.สอง จ.แพร่ รับแจ้งเหตุยิงกันตาย ที่บ้านเลขที่ 106/1 หมู่ 4 ต.ห้วยหม้าย อ.สอง จ.แพร่ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.บำรุง น้อมเศียร ผกก.สภ.สอง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดแพร่ แพทย์เวรโรงพยาบาลสอง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพห้วยหม้าย สมาคมกู้ภัยลูนิเกต ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง บนบ้านพบศพ นายปิยะ ปิ่นทอง อายุ 43 ปี สภาพนอนจมกองเลือดอยู่กลางบ้าน มีบาดแผลถูกกระสุนปืนลูกซองบริเวณลำตัว จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

ที่เกิดเหตุยังพบรอยเลือดจากจุดพบศพหยดเป็นทาง จึงตรวจสอบตามไประยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร ไปสุดที่บ้านหลังหนึ่ง จึงเรียกคนในบ้านออกมาสอบถาม กระทั่งมี นายขาล สถาน อายุ 58 ปี เจ้าของบ้านลงมาพบเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบพบมีบาดแผลแตกที่หน้าผาก สอบถามเรื่องรอยเลือดจึงยอมรับสารภาพว่าเป็นเลือดของตนเอง หลังก่อเหตุยิงนายปิยะ เสียชีวิต โดยใช้ปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ยิงแล้วปืนถีบตีหน้าผากแตก ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุโยนทิ้งไว้ในพงหญ้าห่างบ้าน 300 เมตร ระหว่างเดินทางกลับบ้านหลังก่อเหตุ จึงให้พาไปชี้จุดเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวน

สอบสวนเบื้องต้น นายขาล ให้การรับสารภาพว่า ผู้ตายเป็นสามีลูกพี่ลูกน้องตนที่มีที่ดินมรดกอยู่ติดกัน ซึ่งแต่เดิมมีการปักหมุดแบ่งเขตที่ดินไว้ชัดเจน แต่เมื่อประมาณ 3-4 วันที่ผ่านมา น้ำแม่น้ำยมเอ่อเข้าท่วมเนื่องจากเป็นที่ดินติดแม่น้ำยม แต่ภายหลังน้ำลดพบว่าหมุดปักเขตที่ดินหายไปทั้งที่ปักลงดินแน่นหนามั่นใจว่าน่าจะมีคนถอด จึงไปบอกลูกพี่ลูกน้องตนซึ่งเป็นภรรยาผู้ตายว่าให้มารังวัดปักหมุดที่ดินกันใหม่ แต่ถูกผู้ตายด่าทอว่าที่ดินมีเยอะหรือ และด่าต่างๆ นานา กลับมาก็คิดมากอยู่หลายวันว่าเขาไม่ใช่ญาติ เราไม่เคยไปยุ่งเรื่องของเขา นอนไม่หลับคิดไปเรื่อยเปื่อย ก่อนเกิดเหตุคิดว่าถ้าฆ่าเขาคงหมดปัญหา จึงหยิบปืนปั่นจักรยานไปที่บ้านเห็นนอนดูทีวีอยู่จึงเข้าไปจ่อยิงเสียชีวิต และถูกแรงปืนดีดเข้าหน้าผากตัวเองแตก จากนั้นกลับมาบ้านนอนไม่คิดจะหนีไปไหนกระทั่งตำรวจมาจับกุม เจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป