สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวถึงการที่รัสเซียทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง หรือขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก “โอเรชนิก” ด้วยการยิงใส่เมืองดนิโปร ทางตอนกลางของยูเครน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา “เป็นอาชญากรรมระหว่างประเทศ” และเรียกร้องพันธมิตรตะวันตก ร่วมกัน “ตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ” ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ทั้งนี้ เซเลนสกีเรียกร้องให้ฝ่ายตะวันตกเพิ่มความสนับสนุนด้านระบบป้องกันทางอากาศ “รุ่นใหม่” แก่ยูเครน และเรียกร้องให้จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของรัสเซีย แสดงท่าทีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ มีเนื้อหาเพียงว่า “ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรอยู่ในความสงบ และแสดงออกด้วยความอดกลั้น” หลังรัฐบาลมอสโกกล่าวว่า การยิงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกครั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อการที่ยูเครนใช้งานขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐ


นับตั้งแต่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนปะทุ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 อาวุธส่วนใหญ่ที่กองทัพยูเครนใช้งาน ล้วนเป็นความสนับสนุนจากฝ่ายตะวันตก ซึ่งรัฐบาลมอสโกเตือนมาตลอด ว่าการมอบความช่วยเหลือลักษณะดังกล่าว บ่งชี้ว่า ประเทศตะวันตกมีส่วนร่วมโดยตรงกับสงครามครั้งนี้


อย่างไรก็ตาม สหรัฐอนุญาตในสัปดาห์นี้ ให้ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธ “อะแทคซิมส์” ซึ่งมีพิสัยทำการระยะไกลประมาณ 300 กิโลเมตร และรัฐบาลเคียฟยังใช้ระบบขีปนาวุธพิสัยไกล “สตอร์ม ชาโดว์” ของสหราชอาณาจักร ซึ่งมีพิสัยทำการไกลประมาณ 250 กิโลเมตร แต่ยังน้อยกว่าระบบขีปนาวุธ “อิสกันเดอร์” ของรัสเซีย ที่เป็นอาวุธลักษณะใกล้เคียงกัน และมีพิสัยทำการไกลประมาณ 500 กิโลเมตร.

เครดิตภาพ : AFP