สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ว่าสำนักพระราชวังอิมพีเรียลเผยแพร่แถลงการณ์ว่า เจ้าหญิงมาโกะแห่งอากิชิโนะ พระชันษา 30 ปี พระธิดาในเจ้าชายฟุมิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร และเจ้าหญิงคิโกะ มกุฎราชกุมารี ทรงสมรสกับนายเคอิ โคมุโระ วัย 30 ปี เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หลังมีการหมั้นหมายเมื่อปี 2560 โดยสำนักพระราชวังจัดการเอกสารทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการจดทะเบียนสมรส ในนามของบุคคลทั้งสองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายเคอิ โคมุโระ


ทั้งนี้ เดิมทีทั้งคู่มีกำหนดแถลงร่วมกันต่อสื่อมวลชน ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงมาโกะทรงยกเลิกกำหนดการดังกล่าว โดยจะทรงตอบคำถาม “ที่ผ่านการคัดกรองแล้ว 5 คำถาม” เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น “ด้วยเหตุผลหลายประการ” แต่หลายฝ่ายให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่าเกี่ยวข้องประวัติของตัวฝ่ายชายเอง และครอบครัวด้วย

เจ้าหญิงมาโกะทรงคำนับอำลาทุกฝ่าย ก่อนเสด็จออกจากพระตำหนักอากาซากะ ในกรุงโตเกียว โดยมีพระบิดาและพระมารดา พร้อมพระขนิษฐา ทรงร่วมกันรอส่ง


นอกจากนี้ สำนักพระราชวังอิมพีเรียลยืนยันว่า เจ้าหญิงมาโกะทรงไม่รับเงิน 150 ล้านเยน (ราว 43 ล้านบาท) ที่จะทรงได้รับตามธรรมเนียม และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยอมรับการตัดสินพระทัยของพระองค์ โดยเจ้าหญิงมาโกะทรงเป็นสมาชิกในราชวงศ์ยามาโตะพระองค์ที่ 8 ซึ่งทรงสละฐานนันดรศักดิ์จากการเสกสมรส โดยเจ้าหญิงซายาโกะ พระราชธิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิหลวงอากิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีหลวงมิชิโกะ ทรงสละฐานันดรศักดิ์และเป็นสามัญชน หลังทรงเสกสมรสกับนายโยชิกิ คุโรดะ เมื่อปี 2548 หลังจากนั้น เจ้าหญิงซายาโกะทรงมีพระนามใหม่ คือ นางซายาโกะ คุโรดะ

เจ้าหญิงมาโกะทรงสวมกอดอำลากับเจ้าหญิงคาโกะ พระขนิษฐา


อนึ่ง เมื่อกระบวนการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายของญี่ปุ่นเสร็จสิ้น ถือว่าเจ้าหญิงมาโกะทรงพ้นจากฐานันดรศักดิ์ทั้งหมดตามกฎมณเฑียรบาล มีชื่อและนามสกุลใหม่คือ “นางมาโกะ โคมุโระ” หลังจากนี้จะพำนักอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในกรุงโตเกียว เพื่อเตรียมการย้ายไปตั้งต้นชีวิตใหม่ ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ พร้อมสามีซึ่งได้งานทำกับบริษัทกฎหมายแห่งหนึ่ง เบื้องต้นมีรายงานว่า “อย่างเร็วที่สุด” คือต้นเดือนหน้า และในระหว่างนี้ นางมาโกะ โคมุโระ ต้องจัดการเรื่องหนังสือเดินทางเอง เนื่องจากเมื่อครั้งยังมีสถานะในราชวงศ์ ทรงได้รับการยกเว้นเรื่องหนังสือเดินทาง.

เครดิตภาพ : Kyodo News via AP