ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ระหว่างวันที่ 22-24 พ.ย.67 ภายใต้แนวคิด “CONNECT FOR GROWTH: INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ที่จ.ชลบุรี หอการค้าไทยได้ยื่นสมุดปกขาว ที่เป็นผลสรุปจากการระดมความคิดเห็นภาคเอกชน ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ให้กับรัฐบาล โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นตัวแทนรัฐบาลในการรับมอบ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวว่า การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน จะทำให้ประเทศพัฒนาอย่างก้าวไกล ภาครัฐพร้อมสนับสนุนเอกชนเต็มที่ หากมีปัญหา สามารถแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดได้โดยตรง นอกจากนี้ มหาดไทย ยังมีแนวคิด ตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านเศรษฐกิจ มาดูแลผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อให้ทุกจังหวัดเลี้ยงตัวเองได้ มีสิ่งดึงดูดการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ โดยไม่มีจังหวัดหลัก จังหวัดรองอีกต่อไป ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาททั่วประเทศ ที่เอกชนขอให้เป็นตามคณะกรรมการไตรภาคีนั้น ขอย้ำว่ารัฐบาล ไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของไตรภาคีได้”
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้จัดทำ “สมุดปกขาว” เพื่อนำเสนอแนวทางการนำพาประเทศไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 2 แกนหลัก คือ 1.การเชื่อมโยง เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจให้แข็งแกร่ง และ 2.การนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาประเทศตอบโจทย์ความยั่งยืน พร้อมตั้งเป้าใหผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เติบโตเต็มศักยภาพ และปี 68 โตไม่น้อยกว่า 3%
สำหรับสมุดขาว ประกอบด้วย
1. การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ โดยรัฐบาลควรมีมาตรการลดภาระค่าครองชีพและต้นทุน ควบคุมราคาสินค้าพื้นฐานและบริการที่จำเป็น ตรึงค่าไฟฟ้า – น้ำมันดีเซล จัดตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชนด้านพลังงาน ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามกลไกคณะกรรมการไตรภาคี กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการคูณสอง
2. การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs แก้ไขหนี้ประชาชนและ SMEs โดยใช้นโยบายการเงิน และการคลังควบคู่กัน พร้อมกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เช่น พักและยืดชำระหนี้ ทั้งบ้าน รถ และ SMEs ลดดอกเบี้ย ปลดล็อกการเข้าถึงสินเชื่อ เร่งสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ ฯลฯ
3. การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน โดยเร่งดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่ ทั้งปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ดิจิทัล พลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) พร้อมเสนอให้จังหวัดปราจีนบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อเพิ่มมูลค่าการลงทุน เจรจากับเพื่อนบ้านเพื่อยกระดับจุดผ่านแดนทางการค้า การบริหารจัดการน้ำไม่ให้เกิดท่วมและแล้งซ้ำซาก เป็ต้น
นอกจากนี้ ยังมี 6 ประเด็น ปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ การค้าและการลงทุน โอกาสและความท้าทาย, เกษตรและอาหาร : คลังอาหารของไทยและโลก, ท่องเที่ยวและบริการ : แหล่งรายได้สำคัญของประเทศ, การพัฒนาเพื่อความยั่งยืนขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียว, ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานยกระดับการแข่งขันของประเทศ และสุดท้าย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค : สร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งหากปรับโครงสร้างเศรษฐกิจขนานใหญ่ โดยเฉพาะแก้หนี้ และกระจายรายได้ทั่วถึง ก็มีโอกาสที่จีดีพีไทย จะเติบโตเต็มศักยภาพได้ถึง 5% ต่อปี