สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวระหว่างการเยือนคาซัคสถาน ถึงการที่กองทัพรัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ ต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั่วยูเครน ในวันพฤหัสบดี ว่าเป็นการตอบโต้และตอบสนอง ต่อการที่อีกฝ่ายยังคงใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตก รวมถึงขีปนาวุธ “อะแทคซิมส์” ของสหรัฐ โจมตีรัสเซีย


ปูตินกล่าวว่า ปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ของกองทัพรัสเซีย เป็นการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน มากกว่า 100 ลำ และขีปนาวุธอีกมากกว่า 90 ลูก โจมตีเป้าหมาย 117 แห่ง ซึ่งการเปิดเผยดังกล่าวเรียกได้ว่า ไม่บ่อยครั้งนัก ที่ผู้นำรัสเซียบอกเล่าด้วยตัวเอง


ขณะเดียวกัน ปูตินกล่าวว่า รัสเซีย “ทราบดี” ว่ายูเครนได้รับระบบขีปนาวุธพิสัยไกลจากตะวันตกมาแล้วเป็นจำนวนเท่าใด และเก็บไว้ ณ สถานที่แห่งใดบ้าง และกล่าวถึงการทดสอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง หรือขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก “โอเรชนิก” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเป็นผลจากการที่ยูเครนใช้ระบบขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตก และเตือนว่า “อาจมีการทดสอบเกิดขึ้นอีก”


นอกจากนี้ ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงกำลังเตรียมการโจมตีครั้งต่อไป ที่เป้าหมายอาจรวมถึง “ศูนย์ปฏิบัติการของผู้มีอำนาจตัดสินใจ” ในกรุงเคียฟ และกล่าวด้วยว่า ยูเครนพยายามโจมตี “สถานที่สำคัญระดับรัฐ” ในกรุงมอสโกและเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ตั้งแต่ช่วงต้นสงคราม


ด้านยูเครนยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการต่อคำกล่าวของปูติน แต่รายงานว่า การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานครั้งล่าสุดของรัสเซีย ส่งผลกระทบต่อประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนในประเทศ.

เครดิตภาพ : AFP