สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ผู้นำแคนาดา เดินทางมายังเมืองเวสต์ปาล์มบีช ในรัฐฟลอริดา เพื่อรับประทานอาหารค่ำร่วมกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่คฤหาสน์มาร์-อา-ลาโก ของทรัมป์
ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการจากฝ่ายใด เกี่ยวกับรายละเอียดของการพบหารือ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังว่าที่ผู้นำสหรัฐประกาศเตรียมขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดา ในอัตรา 25% ร่วมกับเม็กซิโก เนื่องจากทั้งสองประเทศ “ยังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเพียงพอ” ในการยับยั้ง “การรุกราน” ของยาเสพติดและผู้อพยพ
ขณะที่ประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บาว์ม ผู้นำเม็กซิโก แสดงความเชื่อมั่นว่า “จะไม่มีสงครามการค้า” ระหว่างสองประเทศ เพราะนโยบายของเม็กซิโกมีประสิทธิภาพเพียงพอ ที่จะยับยั้งไม่ให้คาราวานผู้อพยพเดินทางไปถึงพรมแดนทางเหนือของประเทศ ที่ติดกับภาคใต้ของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม นายมาร์เซโล เอบราร์ด รมว.เศรษฐกิจของเม็กซิโก กล่าวว่า หากรัฐบาลวอชิงตันในอนาคต ขึ้นภาษีสินค้าของเม็กซิโกในอัตรา 25% จริง ผลกระทบจะย้อนศรกลับไปยังสหรัฐมากกว่า เนื่องจากแรงงานราว 400,000 คนในอเมริกาจะต้องเดือดร้อน โดยอ้างอิงจากแรงงานในอุตสาหกรรมรถยนต์ระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก และต้นทุนการผลิตรถยนต์อาจต้องเพิ่มขึ้นอีกคันละ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 102,900 บาท)
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบัน ซึ่งกำลังจะหมดวาระในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ที่จะเป็นวันรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของทรัมป์ด้วย กล่าวว่า มาตรการภาษีของทรัมป์ จะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ กับแคนาดาและเม็กซิโก
อนึ่ง มากกว่า 3 ใน 4 ของสินค้าที่ผลิตในแคนาดา ส่งไปยังสหรัฐ โดยมีมูลค่าราว 592,700 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 14.5 ล้านล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว และแคนาดามีแรงงานในภาคการค้าและอุตสาหกรรมส่งออกเกือบ 2 ล้านคน.
เครดิตภาพ : AFP