หลังทราบเส้นทางการเป็นโค้ชของ “โค้ชเปรม” อัครพล อ่อนศรี โค้ชฟุตบอลหนึ่งเดียวของไทยในลีกกัมพูชา กันไปแล้วในตอนที่ 2 เราไปติดตามกันต่อเลยว่า เขาไปคุมทีมในลีกต่างแดนที่ไม่ค่อยมีใครสนใจอย่างลีกสูงสุดของ กัมพูชา ได้อย่างไร
เดินทางไปทำงานที่กัมพูชาได้อย่างไร จุดเริ่มต้นคือตรงไหน อะไรตัดสินใจให้ไป
วันนั้นจำได้ว่าพึ่งกลับจากอินโดนีเซียครับ ไปแข่งชุดที่ได้รองแชมป์ครับ วันนั้นผมพาแฟนไปโรงพยาบาลครับ ก็นั่งเล่นโทรศัพท์ เลื่อนเฟซบุคปกติครับ แล้วเห็นโพสของพี่ที่เป็นเอเยนต์ครับ หาโค้ชประตูไปทำงานที่ลีกกัมพูชา
ผมจำได้ว่าผมเลื่อนผ่านไปรอบนึง แล้วก็เลื่อนกลับมาครับ แล้วลองนึกภาพตัวเองไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งมันเป็นอีกหนึ่งความฝันของผมครับ ด้วยความที่เราอยากเก่งขึ้น อยากท้าทายตัวเองมากขึ้น ก็เลยติดต่อทางพี่ที่เป็นเอเยนต์ไปครับ
เขาก็นัดสัมภาษณ์ผมกับทาง TD ของสโมสรครับ ช่วงนั้นสโมสรมาเก็บตัวที่ไทยพอดี แต่ด้วยความที่ภาษาอังกฤษผมไม่แข็งแรงครับ ก็มีแบบไม่ค่อยมั่นใจตัวเองบ้าง แต่ตอนนั้นคิดแค่ว่า ไม่เก่งก็พยายาม จะผิดถูกก็จะพยายาม
ผมก็ฝึกภาษาครับ ฝึกพูด จนถึงวันที่สัมภาษณ์ก็สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษครับ วันนั้นหลังสัมภาษณ์เสร็จเป็นวันที่ผมภูมิใจตัวเองมากครับ คิดว่าแบบได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยกล้าพูดกล้าสื่อสาร เป็นสิ่งที่ชนะใจผมมากๆแล้ว แล้วก็โชคดีครับ ได้งานที่นี่พอดี
ไปแล้วที่โน่นเป็นอย่างไรบ้าง ชอบ-สนุก-ท้าทายไหม วางแผนว่าจะอยู่อีกนานไหม
โอเคนะครับ สนุกครับ มันเป็นงานที่ค่อนข้างท้าทายเรามากๆครับ ด้วยความที่เรามาตัวคนเดียวครับ ค่อนข้างยากแน่นอนครับ อยู่ไกลบ้าน ภาษาเปลี่ยน วัฒนธรรมเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยนหมด แต่คิดแค่ว่าเราอยากเก่งขึ้น ท้าทายตัวเองมากขึ้น
มาอยู่ที่นี่จริงๆมันมีแต่ได้ครับสำหรับตัวผม แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ ตามสัญญาคือ1ปีครับ ส่วนตัวผมเองผมชอบความท้าทายอยู่เสมอครับ ด้วยความฝันเราคืออยากมาทำงานต่างประเทศอยู่แล้ว แผนของผมก็คือดูไปเรื่อยๆครับผม
ภาพรวมๆของฟุตบอลกัมพูชาเป็นยังไง ต่างจากบ้านเราอย่างไรบ้าง
ค่อนข้างต่างครับ มูลค่าของลีกบ้านเราดีกว่าแน่นอนครับ แต่ที่กัมพูชาถือว่าพัฒนาไวมากๆครับ
ในปีนี้ที่ผมมาถือว่าค่อนข้างพัฒนาจากปีที่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา ทั้งต่างชาติและกัมพูชา หรือแฟนบอล หรือรวมถึงคุณภาพการเล่น พัฒนาขึ้นมากครับ
แต่ถ้าเทียบกับ T1 ที่ไทยก็ถือว่าที่ไทยยังดีกว่าค่อนข้างเยอะครับ
ติดตามตอนสุดท้าย (ตอนที่ 4) เร็วๆนี้
