เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขี่ยมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวนร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ภัณฑิรา (สงวนนามสกุล) หรือ ออย อายุ 29 ปี พร้อม จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 ไอ สีเทาเข้ม ติดแผ่นป้ายทะเบียน 7 ขบ 7522 กรุงเทพมหานคร ของกลาง โดยจับกุมได้ที่ห้องเช่ากลางซอยต้นงิ้ว ถนนเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก น.ส.ชุลีภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ผู้เสียหายเข้าแจ้งความว่าถูกคนร้ายขโมย จยย. ฮอนด้าเวฟ 110 ไอ สีดำ-แดง ป้ายทะเบียน 1 กม 4224 มหาสารคาม ที่จอดไว้ยังหอพักพื้นที่ ซอยเจริญดี ถนนเทียนทะเล 7 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ภายหลังตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ผู้ก่อเหตุขี่ จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 ไอ สีเทาเข้ม ติดแผ่นป้ายทะเบียน 7 ขบ 7522 กรุงเทพมหานคร จึงไล่เส้นทางไปจนถึงที่พักคนร้ายก่อนเข้าตรวจค้นยังห้องพัก พบว่าผู้ก่อเหตุคือ น.ส.ออย และแฟนหนุ่ม

สอบสวน น.ส.ออย ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับแฟนหนุ่มซึ่งขณะนี้โดนจับกุมคดีลักทรัพย์ อยู่ระหว่างประกันตัว มีการติดกำไลอีเอ็ม ก่อเหตุลักขโมย จยย.ไปขายจริง ตำรวจจึงประสานไปยังโรงพักเมืองสมุทรสาคร ก็พบว่า นายชัยชนะ (สงวนนามสกุล) หรือ เก้า แฟนของ น.ส.ออย ถูกจับกุมอยู่ในห้องขัง ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพเช่นเดียวกัน ว่าคบหาแฟนสาวได้ประมาณ 3 ปี ก่อนหน้านี้เคยร่วมกับน้องเขยขโมย จยย.ไปขาย แต่พอน้องเขยถูกจับจึงชักชวนแฟนสาวร่วมก่อเหตุ 6-7 ครั้ง ได้เงินประมาณ 5,000-6,000 บาทต่อคัน ส่วนเงินที่ได้มานำไปใช้จ่ายในครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางหนุ่มเจ้าของ จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 ไอ ได้เดินทางมาขอ จยย.คืนจากตำรวจ โดยนำหลักฐานแจ้งความไว้ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา ที่ สภ.บางน้ำจืด ว่าถูกคนร้ายขโมยไปจากอพาร์ตเมนต์ที่พัก ช่วงตี 2 โดย จยย.ของกลางถูกเปลี่ยนชุดสี และสวมทะเบียนอำพราง แต่มีเลขตัวถังตรงตามเล่มรถ ขณะที่ น.ส.ชุลีภรณ์ เจ้าของ จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 ไอ ได้มาติดตามหาจยย.ที่ถูกขโมยไป แต่กลับพบว่า จยย.ถูกส่งขายไปแล้วทำให้รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เข้าไปต่อว่า น.ส.ออย และแฟนหนุ่ม ทันทีโดยระบุว่า

“…รถคันหนึ่งราคา 60,000 บาท ต้องผ่อนเดือนละ 6.8 พันบาท กว่าจะหาเงินมาได้ยากลำบากมาก แล้วยังต้องมาชดใช้หนี้สิน ขณะที่พวกคุณกลับไม่รู้จักทำมาหากิน สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านแสนสาหัส เอาสมองส่วนไหนคิด!…” น.ส.ชุลีภรณ์ กล่าว

เบื้องต้นตำรวจ แจ้งข้อหา “…ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร…” ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.