เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 27 ต.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 16 ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีผู้เข้าร่วม ได้แก่ ผู้นำและผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียน ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ มีผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก และเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมด้วย โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่ทุกประเทศกำลังเผชิญกับประเด็นท้าทายต่างๆ ร่วมกัน โดยกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่ทางออก คือ การเห็นอกเห็นใจ เข้าใจกันและร่วมแรงร่วมใจกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งจากความท้าทาย โควิด-19 ย้ำเตือนว่า ความมั่นคงด้านสาธารณสุข คือเป้าหมายพื้นฐานที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับคุณภาพชีวิตของประชาชน ดังนั้น การเข้าถึงและการกระจายวัคซีนอย่างเท่าเทียมและรวดเร็ว การวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัส ตลอดจนการยกระดับขีดความสามารถด้านการแพทย์และสาธารณสุข จึงเป็นประเด็นความร่วมมือที่ควรให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคเป็นพื้นฐานสำคัญของความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ซึ่ง EAS เป็นกลไกหลักที่เปิดโอกาสให้สามารถหารือกันได้อย่างเปิดเผยและสร้างสรรค์ รวมทั้งแสวงหาความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยยึดมั่นความเป็นแกนกลางของอาเซียน ทั้งนี้ไทยให้ความสำคัญต่อการแก้ไขสถานการณ์ในทะเลจีนใต้โดยสันติวิธี และพร้อมสานต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ในการผลักดันความร่วมมือบนหลักการ 3M คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้ ไทยส่งเสริมสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี โดยหวังจะเห็นความคืบหน้าของการเจรจาและความร่วมมือที่นำไปสู่คาบสมุทรเกาหลีที่ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์

นายกรัฐมนตรี ย้ำจุดยืนตามพันธกรณีที่มีต่อข้อตกลงระดับภูมิภาค และส่งเสริมให้ฝ่ายต่าง ๆ เคารพและปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีต่อข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นนิวเคลียร์ รวมถึง Treaty on the Non-Proliferation of Nuclear Weapons (NPT) ทั้งนี้ ไทยไม่ประสงค์จะเห็นความขัดแย้งและการเผชิญหน้าระหว่างมิตรประเทศ และเชื่อมั่นว่า ทุกประเทศในโลกต่างมีเป้าหมายพื้นฐานร่วมกันในการสร้างสรรค์ให้ประเทศและโลกนี้มีความสงบและสันติ และให้ประชาชนทุกคนมีความสุขและมีสุนทรียภาพในชีวิตมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นอกจากนี้นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า สหรัฐ จะยืนเคียงข้างประชาชนเมียนมา และแสดงความกังวลต่อคาบสมุทรเกาหลี การยั่วยุ พร้อมเน้นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับไต้หวัน และจะสร้างสันติสุขในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เป็นกรอบความร่วมมือที่เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง กรณีเมียนมา ว่าไทยสนับสนุนความพยายามและการดำเนินของผู้แทนพิเศษ ตามฉันทามติ 5 ข้อ และจะติดตามพัฒนาการในเมียนมาอย่างใกล้ชิดต่อไป