สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ว่า พ.อ.พิเศษ อู๋ เชียน โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน กล่าวถึง “บรรยากาศข้ามช่องแคบ” ที่หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไต้หวัน ว่า ไม่ว่าจะมีการซ้อมรบเกิดขึ้นจริงหรือไม่ในระยะนี้ แต่หากเกิดความเคลื่อนไหว การซ้อมรบดังกล่าวจะมาจากการตัดสินใจโดยจีนเท่านั้น “ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและสถานการณ์ที่จีนกำลังเผชิญ”


ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนเน้นย้ำว่า การปกป้องอธิปไตย และการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดน ซึ่งรวมถึงการผดุงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของช่องแคบไต้หวัน คือหนึ่งในภารกิจหลักของกองทัพปลดปล่อยประชาชน (พีแอลเอ) ที่จะไม่มีทางเป็นฝ่ายยินยอมและประนีประนอมให้กับ “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”


ท่าทีดังกล่าวของจีน ไม่ได้เป็นการยอมรับหรือปฏิเสธ รายงานของกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ที่ระบุว่า “กองเรือขนาดใหญ่” ของจีน ทั้งจากพีแอลเอและกองกำลังยามฝั่ง รวมประมาณ 90 ลำ กระจายกำลังรายล้อมเกาะไต้หวันนานหลายวัน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ ในลักษณะของ “การปิดล้อมทางยุทธศาสตร์” ก่อนเดินทางกลับออกไปเอง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา


ด้านสถาบันอเมริกันในไต้หวัน ซึ่งในทางพฤตินัยถือเป็น สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลวอชิงตันจับตากิจกรรมทางทหารของจีนครั้งนี้ “ด้วยความวิตกกังวลในระดับสูง”


แม้พีแอลเอไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการซ้อมรบทางทะเลครั้งนี้ ดังเช่นที่เคยประกาศการซ้อมรบ “Joint Sword-2024A” ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังการสาบานตนรับตำแหน่ง ของประธานาธิบดีไล่ ชิง-เต๋อ เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และ “Joint Sword-2024B” ที่เกิดขึ้นหลังไล่แถลงสุนทรพจน์วันชาติไต้หวัน 10 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่ขอบเขตและระดับของการซ้อมรบ “เข้มข้นไม่แตกต่างกัน”


อนึ่ง ประธานาธิบดีไล่ ชิง-เต๋อ ผู้นำไต้หวัน แวะพักทั้งที่เกาะฮาวายและเกาะกวม ระหว่างการเยือนกลุ่มประเทศหมู่เกาะหลายแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งยังคงเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลไทเป เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับจีน.

เครดิตภาพ : AFP