จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้คุมตัวนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร อายุ 85 ปี กับพวกรวม 7 ราย ถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากเหตุการณ์การเสียชีวิตด้วยอาวุธปืนของนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง เมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค. ภายในบ้านพักของนายสุนทร
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย ไปฝากขังผัดแรก จำนวน 12 วัน ต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญประชาชน และเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง อีกทั้งผู้ต้องหายังมีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล เกรงว่าหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราว อาจเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและหลบหนีได้ ซึ่งยากต่อการติดตามตัวมาดำเนินคดีภายหลัง และศาลมีคำสั่งรับฝากขังผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และพฤติการณ์ตามคำร้องฝากขังเป็นการกระทำที่อุกอาจ เป็นที่สนใจของประชาชน เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย เกรงว่าจะหลบหนี แม้ผู้ต้องหาที่ 7 มีโรคประจำตัว แต่ทางราชทัณฑ์อนุญาตให้ไปรักษาตัวภายนอกเรือนจำได้ ในชั้นนี้จึงให้ยกคำร้องของผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย ภายหลังรับทราบคำสั่งศาล เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ไปฝากขังที่เรือนจำจังหวัดนครนายก ขณะที่ ผบ.เรือนจำจังหวัดนครนายก ยังได้มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทางระหว่างการควบคุมตัว ตามที่มีการรายงานข่าวแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่วานนี้ (13 ธ.ค.) ศาลได้มีการส่งตัวทั้ง 7 ราย เข้าเรือนจำจังหวัดนครนายก กระบวนการการรับตัวเป็นไปตามขั้นตอนปกติ แต่การบริหารการควบคุมภายหลังจากรับตัวแล้ว จะนำตัวไว้เรือนจำใด เป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์จะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัย และสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขังเป็นสำคัญ และถ้าเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี เป็นเรื่องที่เรือนจำจะต้องนำเรียนศาล นอกจากนี้ เรือนจำจังหวัดนครนายก ถือเป็นเรือนจำสร้างใหม่ โดยก่อสร้างเสร็จเมื่อปี 2566 มีความมั่นคงสูงกว่าเรือนจำที่มีสภาพเก่า

นางกนกวรรณ เผยอีกว่า การรับตัวคืนแรกนั้น เรือนจำจังหวัดนครนายก ได้นำตัวทั้ง 7 ราย เข้าสู่ขั้นตอนแยกกักโรคโควิด-19 ระยะเวลา 5 วัน ที่ชั้น 3 อาคารกักโรคของเรือนจำเช่นเดียวกับผู้ต้องขังทั่วไป โดยที่ไม่ได้แยกกักตัวที่สถานพยาบาลแต่อย่างใด และระหว่างกักตัว การพบทนายความเป็นไปตามสิทธิ และญาติสามารถซื้อของฝากได้ และจะมาเยี่ยมที่เรือนจำได้เมื่อพ้นระยะกักโรคแล้ว ส่วนกรณีของนายสุนทร ขั้นตอนการแรกรับ เจ้าตัวให้ความร่วมมือดี เรือนจำฯ ได้มีการตรวจร่างกาย ตรวจสุขภาพตามขั้นตอน ซึ่งด้วยความที่นายสุนทร อายุ 85 ปี พบโรคประจำตัวทั่วไปของผู้สูงอายุ แต่ขณะนี้ยังไม่มีอาการแสดงที่จะต้องออกไปรักษาตัวโรงพยาบาลภายนอกแต่อย่างใด ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีการเข้าไปสอบถามนายสุนทร ทราบว่าสามารถพักผ่อนนอนหลับได้ ไม่มีปัญหาเรื่องความเครียดมากนัก และไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม ในส่วนของเมนูอาหารเมื่อวานตอนเย็น เป็นแกงจืดวุ้นเส้นลูกชิ้นปลากับหน่อไม้ผัดไข่ ส่วนมื้อเช้าวันนี้ (14 ธ.ค.) เป็นผัดฟักทองไก่ มื้อกลางวันไข่ต้ม และมื้อเย็นต้มกะทิปลาทูฟักเขียว กุนเชียงทอด ทั้งนี้ เรือนจำฯ มีมาตรการในการดูแลเรื่องความมั่นคงปลอดภัย หลีกเลี่ยงการพบเจอกับคู่กรณีหรือผู้เสียผลประโยชน์
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างการกักโรคโควิด-19 จำนวน 5 วันนี้ นายสุนทร ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ และเพิ่งได้รับการผ่าตัดหัวเข่า รวมถึงพรรคพวกอีก 6 รายที่เหลือ จะกักโรคอยู่ที่ชั้น 3 ของอาคารกักโรค เพราะช่วงกักโรค นายสุนทรยังไม่ต้องเดินขึ้นลงบันได แต่หลังจากกักโรคเสร็จสิ้น ทางเรือนจำฯ จะพิจารณาอีกครั้งให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ.