เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวน ภูธรภาค 2 ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดปราจีนบุรี และกองบังคับการปราบปราม นำกำลังเข้าตรวจค้น 5 จุดใน 4 อำเภอ ในจังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ อ.เมืองปราจีนบุรี อ.กบินทร์บุรี อ.ประจันตคาม และ อ.ศรีมโหสถ ภายใต้ปฏิบัติการ “ทลายรังนักเลง EP.2” นำโดย พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนน์ รอง ผบก.สส.ภ.2

โดยจุดแรกที่บ้าน สจ.หลาย ในพื้นที่ ต.หนองแสง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้นภายใน ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด จุดที่ 2 เป็นเต็นท์รถมือ 2 และเป็นบ้านของ สจ.จง น้องชาย สจ.หลาย จากการตรวจค้นบ้านหลังนี้ ไม่พบ สจ.จง พบเพียงลูกชายพาเข้าทำการตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่ง สจ.จง เคยถูกทำร้ายร่างกายมาเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 67 เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมือง บังคับให้ สจ.จง สละสิทธิลงเลือกตั้ง สจ.ที่จะมีขึ้น แต่ สจ.จง ไม่ยอมรับปาก จึงถูกทำร้ายร่างกาย

จุดที่ 3 ในอำเภอกบินทร์บุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงหมายค้นที่บ้านพักของ นายไพบูลย์ ช่างฉาย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังดาล ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่มีบ้านพักรวม 3 หลัง ได้แก่ บ้านของ น.ส.ชนนิกานต์ ช่างฉาย สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สจ.) กบินทร์บุรี เขต 7 ลูกสาวของนายไพบูลย์ บ้านของ นายคมกริบ ช่างฉาย กำนันตำบลวังดาล ลูกชายของนายไพบูลย์ และบ้านพักของนายไพบูลย์

จากการตรวจค้นภายในบ้าน นายก อบต.วังดาล พบอาวุธปืนสั้น ขนาด 9 มม. 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืน จำนวนหนึ่ง ทั้ง 2 กระบอกมีทะเบียนถูกต้องเป็นของนายก อบต.วังดาล และในขณะเจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้น ปรากฏว่า นายคมกริบ ลูกชายนายกวังดาล ได้ขับรถกระบะ ฟอร์ด สีเทา ทะเบียน กฉ 5656 ปราจีนบุรี เข้ามาในพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นภายในรถ พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก

นายคมกริบ เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจเมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักของตน ขณะตนอยู่ในสวน จึงได้รีบเดินทางกลับมาเพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ระหว่างทางได้โยนกระสุนปืนและแม็กกาซีนลงน้ำ โดยให้เหตุผลว่าปืนของตนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่มีใบอนุญาตพกพา เกรงว่าจะมีความผิด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ส่วนอาวุธปืนมีไว้เพื่อป้องกันตัวเองระหว่างลงพื้นที่ เนื่องจากทราบถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดปราจีนบุรี จึงกังวลเรื่องความปลอดภัย

นายคมกริบ เปิดเผยอีกว่า รู้จักกับ สจ.โต้ง และ โกทร แต่ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใด ๆ จากทั้งสองฝ่าย โดยการทำงานร่วมกับโกทรในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มีเพียงเรื่องการเสนอขออนุมัติงบประมาณสำหรับทำโครงการในพื้นที่เท่านั้น ส่วน กระแสข่าวการลงสมัครนายก อบจ. ของโกทร ตนได้รับทราบข่าวว่าโกทรอาจลงสมัคร แต่ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ และตามหลักการสมัครที่ผ่านมา หากมีการลงสมัครและได้รับเบอร์ประจำตัวผู้สมัครแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้สมัครจะมาหาเสียงและแนะนำตัวตามขั้นตอน ตนก็จะพิจารณาจากความรู้ความสามารถของผู้สมัครโดยไม่ได้เจาะจงว่าจะสนับสนุนใครเป็นพิเศษ ตนดำรงตำแหน่งกำนันมาเพียง 5 เดือน และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรืออยู่ในสังกัดของบ้านใหญ่หรือ สจ.โต้ง รวมถึงการลงทำงานในพื้นที่ก็เป็นอิสระ ไม่มีการสังกัดกลุ่มการเมืองใด

พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนน์ รอง ผบก.สส.ภ.2 กล่าวว่า มือไม้ที่เคยใช้ปฏิบัติการเราทำการตรวจค้นกวาดล้างเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เครือข่ายมีความสัมพันธ์ที่ออกตรวจค้นกวาดล้างมีความสัมพันธ์กับโกทรและ สจ.โต้ง ก็คือเดิมเขาอยู่กลุ่มเดียวกันหมดแล้วแตกคอกัน บุคคลที่เราตรวจค้น ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับโกทรเป็นหลัก เพื่อปรามไม่ให้คิดที่จะก่อเหตุหรือใช้อิทธิพลให้ชาวบ้านเกรงกลัว และจะกวาดล้างต่อไป หลักฐานที่ตรวจค้นเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่มในส่วนความเชื่อมโยง เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่

พ.ต.อ.วราวุธ กล่าวอีกว่า เหตุผลที่ต้องการค้นเป็นบุคคลที่อยู่ในกลุ่ม เป็นเรื่องการตรวจสอบพยานหลักฐานอยู่ ในส่วนฮั้วประมูลและกลุ่มที่อยู่ในการเลือกตั้งเราเป็นฐานข้อมูลอยู่ เราจะทำการสืบสวนต่อไป เรามีฐานข้อมูลเดิมอยู่แล้ว เป้าหมายที่ลงพื้นที่นายก อบต.เป็นเครือข่ายที่ทำธุรกิจเกื้อหนุนกันอยู่ โดยเฉพาะเวลาที่จะลงสมัครเลือกตั้งต้องไปขออนุญาต ถ้าไม่บอกหรือไม่ขออนุญาตก็จะไม่ได้รับการสนับสนุน ถ้าเรากวาดล้างบ่อย ๆ ก็จะลดอำนาจอิทธิพลของโกทรลง เขามีฐานเสียงที่ครอบคลุมเกือบทั้งจังหวัด

รอง ผบก.สส.ภ.2 กล่าวว่า ในการค้นครั้งนี้ เพื่อปรามไม่ให้เกิดอิทธิพลและประชาชนทุกข์ใจ เรื่อง สจ.โต้ง เรามีฐานข้อมูลอยู่แล้ว เดี๋ยวจะทำการสืบสวน หากมีการกระทำผิดหรือบางคนมีหมายจับอยู่แล้วหลบหนีอยู่ต้องติดตาม มีคดีเก่า ๆ ที่บางคนมีหมายจับ ปัจจุบันแทบจะไม่มีความเคลื่อนไหว เรากังวลเรื่องมือปืนรุ่นใหม่ที่เราไม่มีฐานข้อมูลต้องอยู่ที่การข่าวปิดล้อมตรวจคันแบบนี้ เรื่อง สจ.โต้งได้ดำเนินการสืบสวนอยู่แล้ว