สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ว่า สภาผู้แทนราษฎรเยอรมนี จัดการประชุมและลงมติ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ต่อญัตติการไว้วางใจนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ซึ่งเสียงสนับสนุนหรือการให้ความไว้วางใจ อยู่ที่ 207 เสียง สมาชิก 394 เสียง ไม่ไว้วางใจ และสมาชิก 116 คน งดออกเสียง


อย่างไรก็ตาม ผลการลงมติดังกล่าว เป็นไปตามความต้องการของผู้นำเยอรมนี ซึ่งต้องการให้การลงมติครั้งนี้ ปูทางให้มีการยุบสภา ไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 23 ก.พ. นี้ ไม่ใช่ในเดือน ก.ย. ที่ถือเป็นเดือนของการเลือกตั้งแห่งชาติ ตามกฎหมายและธรรมเนียมของเยอรมนี


ด้านสื่อท้องถิ่นหลายแห่งของเยอรมนี เรียกการลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ว่า “การพลีชีพทางการเมือง” ของโชลซ์ เพื่อหาทางลงให้กับรัฐบาลของตัวเอง ที่กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย หลังผู้นำเยอรมนีปลดนายคริสเตียน ลินด์เนอร์ ออกจากตำแหน่ง รมว.การคลัง เมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา จากข้อพิพาทเรื่องการจัดทำงบประมาณฉบับใหม่


ความขัดแย้งทางการเมืองภายในที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ให้ลินด์เนอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยเสรี (เอฟดีพี) ที่เป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลทันที และทำให้รัฐบาลเหลือเพียงพรรคร่วมสองพรรค คือพรรคสังคมประชาธิปไตย (เอสพีดี) ของโชลซ์ ซึ่งเป็นพรรคขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐบาลผสมชุดปัจจุบัน และพรรคกรีน


อนึ่ง อีกหนึ่งความท้าทายทางการเมืองของโชลซ์ คือการที่พรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (เอเอฟดี) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์มองว่า พรรคเอเอฟดียังไม่น่าได้รับการเลือกตั้งมากที่สุด แต่ยิ่งพรรคเอเอฟดีได้รับการเลือกตั้งมากเท่าไหร่ การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ยิ่งยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น.

เครดิตภาพ : AFP