เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็วควบคู่ไปกับความตื่นตัวในเรื่องความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม การบูรณาการทักษะ AI และทักษะสีเขียวเข้าด้วยกันจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในการทำงานในอนาคตที่ท้าทายและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น การส่งเสริมและขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะทั้งสองด้านนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อสร้างกำลังคนที่มีความสามารถในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

การผสมผสานระหว่างความรู้ความสามารถทางด้าน AI ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ กับทักษะสีเขียวซึ่งเป็นความรู้ความเข้าใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน จะช่วยให้บุคลากรสามารถสร้างสรรค์โซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก นอกจากนี้ การพัฒนาทักษะทั้งสองด้านนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานที่ต้องการบุคลากรที่มีความสามารถรอบด้านและสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

ดังที่ ‘มูลนิธิคีนันแห่งเอเชีย’ ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน จัดสัมมนา ‘การบูรณาการทักษะ AI และทักษะสีเขียว สู่การเป็นแรงงานที่ยั่งยืน’ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยสู่การเป็นกำลังคนคุณภาพ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

จากที่รัฐบาลไทยได้ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision  2030 ‘Ignite Thailand: จุดพลัง รวมใจ ไทยเป็นหนึ่ง’ ที่มุ่งเน้นการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลกและขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนนั้น สอดคล้องกับแนวโน้มโลกที่ให้ความสำคัญกับ AI และธุรกิจสีเขียว การพัฒนากำลังคนให้มีทักษะด้าน AI และความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว มูลนิธิคีนันแห่งเอเชียเล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดสัมมนาในหัวข้อ ‘การบูรณาการทักษะ AI และทักษะสีเขียว สู่การเป็นแรงงานที่ยั่งยืน’ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต และสร้างโอกาสการจ้างงานที่มีคุณค่าให้แก่เยาวชนไทย

ภายในงาน ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญทั้งจากภาครัฐและเอกชน อาทิ ‘โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค’ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ ‘ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล’ ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและนำเสนอแนวทางการพัฒนากำลังคนในหลากหลายมิติ โดยมีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันพัฒนากำลังคนให้มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต

การจัดสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนไทยในการก้าวเข้าสู่โลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของมูลนิธิคีนันแห่งเอเชียในการส่งเสริมการพัฒนาคนไทยให้มีความรู้ความสามารถและสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้

‘คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม’ ประธานมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย กล่าวว่า การสัมมนาที่จัดขึ้นในครั้งนี้ นับว่าเป็นเวทีที่รวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมและวางรากฐานสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับเยาวชนไทย อาทิ ทักษะสีเขียว ดิจิทัล และ STEM เพื่อให้พวกเขามีความพร้อมในการเข้าสู่โลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมและสังคมในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มูลนิธิคีนันฯ ยังได้ขยายขอบเขตการฝึกอบรมไปสู่ทักษะด้าน AI และทักษะสีเขียว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรให้มีความพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคต

ด้าน ‘มร.ริชาร์ด เบิร์นฮาร์ด’ กรรมการอำนวยการ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลา 28 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิคีนันแห่งเอเชียได้ดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพให้แก่ครูจำนวนกว่า 19,000 คน และนักเรียนอีก 3 ล้านคนทั่วภูมิภาค โดยความสำเร็จของโครงการต่างๆ เกิดจากการผสมผสานความรู้ความเชี่ยวชาญในระดับท้องถิ่นเข้ากับหลักสูตรและผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ทำให้มั่นใจได้ว่าโครงการที่ดำเนินการนั้น ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

การจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมืออันดีระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่เยาวชนไทยในการเข้าสู่โลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา มูลนิธิคีนันแห่งเอเชียขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก ได้แก่ มูลนิธิแคทเธอร์พิลลาร์, JPMorganChase, โบอิ้ง, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารออมสิน และบมจ. บี.กริม เพาเวอร์ ที่ให้การสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้

“มูลนิธิคีนันแห่งเอเชียหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสัมมนาครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแนวทางการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับเยาวชน เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและทั่วถึงในทุกภาคส่วนของสังคม” มร.ริชาร์ด กล่าวทิ้งท้าย