คำตอบอาจซ่อนอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่เราใช้เป็นประจำทุกวัน นั่นเอง เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดแม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับกินไฟมากกว่าที่เราคาดคิดไว้มากนัก

Sustain Daily Team จะพาคุณไปเปิด 5 อันดับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่แอบกินไฟของคุณแบบเงียบๆ พร้อมเผยเคล็ดลับการประหยัดพลังงาน เพื่อให้คุณสามารถควบคุมค่าไฟและลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เตรียมตัวให้พร้อมที่จะพบกับความจริงที่อาจทำให้คุณต้องอึ้ง และเรียนรู้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า เพื่อให้ชีวิตของคุณสะดวกสบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ไปดูกันว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นไหนที่ซ่อนตัวเป็น ‘ผู้บริโภคพลังงานเงียบๆ’ ในบ้านของคุณ และเราจะรับมือกับมันอย่างไร

1. เครื่องทำน้ำอุ่น

อากาศหนาวเย็นแบบนี้ ทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลายๆ คน การอาบน้ำอุ่นช่วยให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย แต่รู้หรือไม่ ว่าเครื่องทำน้ำอุ่นกินไฟค่อนข้างมาก โดยเฉลี่ยแล้ว เครื่องทำน้ำอุ่นขนาดทั่วไปจะใช้ไฟประมาณ 2,500-4,500 วัตต์ และค่าไฟที่ต้องจ่ายก็อาจจะสูงถึงชั่วโมงละ 10-47 บาท

เพื่อประหยัดค่าไฟและลดภาระค่าใช้จ่าย เราควรเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นให้มีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน และปรับอุณหภูมิให้อุ่นพอดี ไม่ร้อนเกินไป นอกจากนี้ การปิดสวิตช์ทุกครั้งหลังใช้งานก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

2. ไดร์เป่าผม

ไดร์เป่าผม เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผมแห้งเร็วขึ้นหลังสระ สะดวกสบายและช่วยให้จัดแต่งทรงผมได้ง่ายขึ้น แต่เนื่องจากไดร์เป่าผมมีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าค่อนข้างสูง การเลือกใช้อย่างชาญฉลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไปแล้วไดร์เป่าผมจะใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 100-1,000 วัตต์ ซึ่งคิดเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 2-4 บาทต่อชั่วโมงในการใช้งาน ดังนั้น เพื่อประหยัดค่าไฟและดูแลสุขภาพเส้นผม ควรเช็ดผมให้แห้งหมาดก่อนเป่าผมเสมอ วิธีนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการเป่าผม และช่วยให้หนังศีรษะแห้งสบายอีกด้วย นอกจากนี้ การเลือกใช้ไดร์เป่าผมที่มีคุณภาพและมีฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย ก็จะช่วยให้การจัดแต่งทรงผมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3. ไมโครเวฟ

ชีวิตในเมืองที่เร่งรีบ ทำให้การทำอาหารเองเป็นเรื่องที่ดูจะไกลตัวออกไป การใช้ไมโครเวฟอุ่นอาหารจึงกลายเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายสำหรับหลายๆ คน ซึ่งไมโครเวฟก็ถือเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟไม่น้อย โดยทั่วไปจะใช้ไฟฟ้าประมาณ 100-1,000 วัตต์ คิดเป็นค่าไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณ 0.40-4 บาทต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับกำลังไฟของเครื่อง

หากต้องการประหยัดค่าไฟจากการใช้ไมโครเวฟ เพียงแค่ทำตามเคล็ดลับง่าย ๆ คือ การถอดปลั๊กหลังใช้งานทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงการเปิด-ปิดฝาไมโครเวฟบ่อย ๆ ขณะใช้งาน ก็จะช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. เครื่องดูดฝุ่น

การทำงานบ้านเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและแรงกายไม่น้อย โดยเฉพาะงานทำความสะอาดพื้นที่กว้าง การกวาดพื้นนอกจากจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายแล้ว ยังอาจใช้เวลานานอีกด้วย เครื่องดูดฝุ่นจึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดภาระงานบ้าน ช่วยให้ทำความสะอาดได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เครื่องดูดฝุ่นทั่วไปมักจะใช้พลังงานไฟฟ้าประมาณ 750-1,200 วัตต์ คิดเป็นค่าไฟฟ้าเฉลี่ยชั่วโมงละประมาณ 3-5 บาท ดังนั้นเพื่อยืดอายุการใช้งานและประหยัดพลังงาน ควรทำความสะอาดเครื่องดูดฝุ่นเป็นประจำหลังการใช้งาน และควรใช้เครื่องดูดฝุ่นในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อระบายความร้อนของมอเตอร์

5. พัดลม

สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวในบ้านเรา ทำให้พัดลมกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด การใช้งานพัดลมเป็นเวลานานติดต่อกัน อาจส่งผลต่อค่าไฟฟ้าในครัวเรือนได้ เนื่องจากพัดลมไฟฟ้าก็กินไฟเช่นกัน โดยเฉลี่ยแล้ว พัดลมจะใช้ไฟฟ้าประมาณ 35-80 วัตต์ ซึ่งแม้จะดูเป็นจำนวนที่น้อย แต่หากเปิดใช้งานเป็นเวลานานหลายชั่วโมงต่อวัน ก็จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นได้

เพื่อเป็นการประหยัดค่าไฟฟ้าและยืดอายุการใช้งานของพัดลม ควรเลือกซื้อพัดลมที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 นอกจากนี้ การปิดพัดลมเมื่อไม่ใช้งาน และการพักเครื่องเป็นระยะๆ ก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลรักษาพัดลมให้สะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้พัดลมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย

ทั้งนี้ การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างคุ้มค่าและเหมาะสมกับความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ถือเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราประหยัดค่าไฟได้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากนัก เพียงแค่เราใส่ใจในการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น การปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน การถอดปลั๊กอุปกรณ์ที่ชาร์จเต็มแล้ว หรือการเลือกใช้เครื่องใช้ไฟที่ติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ซึ่งผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่ได้มาตรฐานตามที่ กฟผ. และกระทรวงพลังงานกำหนด ก็จะช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก: เซฟไทย (กฟภ.)