วานนี้ (19 ธ.ค. 2567) สำนักข่าวต่างประเทศเสนอรายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวและโบราณวัตถุของอียิปต์ กรณีทีมโบราณคดีพันธมิตรระหว่างอียิปต์และสเปน เข้าขุดค้นสุสานอายุร่วม 2,000 ปี พบร่างมัมมี่ 13 ร่าง พร้อมกับฉากทางพิธีกรรมที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน พร้อมด้วยเล็บปลอมและลิ้นปลอมที่ทำด้วยทองคำ ในพื้นที่ของเมืองอัล-บาฮ์นาซาซึ่งเดิมเป็นเมืองโบราณชื่อว่า ออกซีริงคัส

ชิ้นส่วนเล็บและลิ้นที่ทำด้วยทองคำ

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าลิ้นทองคำนี้ถูกใส่เข้าไปเพื่อให้ผู้ตายสามารถพูดคุยกับโอซิริส เทพแห่งยมโลกได้ หลังจากที่พวกเขาตายไปแล้ว ส่วนเล็บทองคำที่ขุดพบก็นับว่าเป็นสิ่งพิเศษ แม้ว่าจะเคยพบลิ้นทองคำที่แหล่งขุดค้นเมืองโบราณออกซีริงคัสมาก่อนแล้ว

ลิ้นทองคำที่พบในร่างของมัมมี่ชนชั้นสูง

ทีมนักโบราณคดีค้นพบร่างหลายสิบร่างหลังจากขุดลงไปที่ก้นหลุมฝังศพ มัมมี่เหล่านี้มีอายุย้อนกลับไปถึงยุคราชวงศ์โทเลมี ซึ่งอยู่ระหว่าง 304 ปีก่อนคริสตกาลถึง 30 ปีก่อนคริสตกาล และถูกค้นพบในสุสานแห่งหนึ่งที่เมืองโบราณออกซีริงคัส ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงไคโรไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 160 กม.

“ที่นี่มีลิ้นทองคำจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ” ซาลิมา อิกราม ศาสตราจารย์สาขาอียิปต์วิทยาแห่งมหาวิทยาลัยอเมริกันในกรุงไคโร กล่าว “เป็นไปได้ว่าศพเหล่านี้จะเป็นของชนชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับวิหารและลัทธิบูชาสัตว์ที่แพร่หลายในพื้นที่นี้” 

ภาพวาดเทพธิดานูต

นอกจากนี้ นักโบราณคดียังพบเครื่องรางทองคำ 29 ชิ้น ซึ่งบางชิ้นมีรูปร่างคล้ายแมลงสการับ ซึ่งเป็นแมลงปีกแข็งที่มักมีภาพปรากฏในวัตถุของอียิปต์ยุคโบราณ รวมทั้งภาพวาดบนผนังที่สวยงามในห้องฝังศพ ซึ่งแสดงภาพเทพเจ้าอียิปต์หลายองค์ รวมถึงเทพธิดานูต ซึ่งถือว่าเป็นเทพธิดาแห่งท้องฟ้า อยู่ในสภาพที่ล้อมรอบด้วยดวงดาวหลายดวง

ที่มา :  nypost.com

เครดิตภาพ : Egyptian Ministry of Tourism & Antiquities, Universitat de Barcelona