เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2/2567 เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ณ ห้องสุทัศน์ ชั้น 2 ศาลาว่าการกทม.(เสาชิงช้า) เขตพระนคร

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปีใหม่ปีนี้มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลิมฉลองจำนวนมากกว่าทุกปี เนื่องจากอากาศเย็น มีโครงการสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่เกิดขึ้น รวมถึงประชาชนบางส่วนไม่อยากเดินทางไกลไปต่างจังหวัด
จากการสำรวจจะมีการจัดงานในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 258 งาน ผู้ร่วมงานต่ำกว่า 500 คน ประมาณ 244 งาน ผู้ร่วมงาน 500-1,000 คน ประมาณ 8 งาน และผู้ร่วมงานมากกว่า 1,000 คน ประมาณ 6 งาน โดย กทม. ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 3,000 นาย เริ่มลงพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยในการจัดงานแล้ว
และในปีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม ด้วยกล้อง Face Recognition (FR) เพื่อจับภาพใบหน้าบุคคลต้องสงสัยประมาณ 32 กล้องอีกด้วย ส่วนสิ่งที่น่ากังวล คือ การจัดงานหลายแห่งมีการจุดพลุในแม่น้ำ ซึ่งขณะนี้มีเรือท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า 47 ลำ จึงต้องประสานกับกรมเจ้าท่าในการจัดระเบียบการจราจรทางน้ำ การดูพลุ ไม่ให้เกิดความแออัด เพื่อความปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ กทม. ได้กำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 เพื่อให้หน่วยงานของกรุงเทพมหานครใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างบูรณาการ และเพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง มาตรการป้องกันอันตรายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 และคำสั่งกรุงเทพมหานคร เรื่อง การจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรุงเทพมหานครในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2568 เพื่อเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร
สำหรับมาตรการดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตามแผนแผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วย 1. สำนักการโยธา (สนย.) ตรวจสอบซ่อมแชมไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณถนนให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน และจัดเตรียมความพร้อมของหน่วยวิบัติภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุ 2. สำนักเทศกิจ (สนท.) จัดเตรียมความพร้อมของกําลังเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การสนับสนุนในการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การดูแลทรัพย์สินและความปลอดภัยของประชาชนรวมถึงประสานและให้คำแนะนําผู้ประกอบการที่มีการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ให้จัดกิจกรรมอย่างปลอดภัย
3. สำนักการแพทย์ (สนพ.) เตรียมพร้อมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงสถานที่จัดกิจกรรมขนาดใหญ่ พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง 4. สำนักอนามัย (สนอ.) ตรวจสอบสถานที่ผลิต สะสม และจําหน่ายดอกไม้เพลิง สถานประกอบการที่จําหน่ายอาหารและสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐาน และสถานบริการต่าง ๆ ตลอดจนจัดทำแนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

5. สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) จัดกิจกรรมเพื่อตรวจสอบความพร้อม และระบบรักษาความปลอดภัยของยานพาหนะ ในระบบขนส่งมวลชน อาทิ รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) รถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที (BRT) การเดินเรือโดยสารในคลองภาษีเจริญและคลองผดุงกรุงเกษม โดยเฉพาะบริเวณที่ประชาชนจำนวนมากใช้เดินทางกลับพร้อมกันหลังจากสิ้นสุดกิจกรรม 6. สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (สวท.) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้น และรณรงค์การลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดสาธารณภัยผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบ
7. สำนักงานเขต (ประธานกลุ่มการปฏิบัติงานของสำนักงานเขต) ประชาสัมพันธ์การจัดงานอย่างปลอดภัย ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และรณรงค์ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลความปลอดภัยสถานที่จัดงานที่มีความเสี่ยง เช่น ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรือโดยสารนักท่องเที่ยว รวมถึงสถานที่ที่ได้รับอนุญาตให้จุดพลุ
นอกจากนี้ได้ขอความร่วมมือสถานประกอบการหรือผู้จัดงาน วางแผนการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสม รวมทั้งให้คำแนะนำประชาชนในการเข้าร่วมกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างปลอดภัย ทั้งยังมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรุงเทพมหานครในช่วงเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2568 ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม. (เสาชิงช้า) โดยจัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรุงเทพมหานครในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2568 เพื่อเป็นผู้ประสานงาน ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.67 เวลา 08.30 น. ถึงวันที่ 2 ม.ค.68 เวลา 16.30 น. พร้อมประสานสำนักงานเขต เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานและบริหารจัดการภัยในพื้นที่เขต มีผอ.เขตในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการกรุงเทพมหานครเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์อีกด้วย
สำหรับการติดต่อสื่อสารศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรุงเทพมหานคร ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2568 ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรุงเทพมหานครจะประสานงานกับศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตทางโทรศัพท์และไลน์ โดยเป็นศูนย์กลางการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กทม.มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนราชดำริ ตามโครงการ “ราชประสงค์โมเดล” ซึ่งเป็นโครงการนำร่องบูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการจราจรและปัญหาอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณแยกราชประสงค์ โดยราชประสงค์โมเดล เดิมมีกล้อง CCTV จำนวน 37 ตัว แบ่งเป็น 1. กล้องจราจร เพื่อใช้ดูจำนวน ดูปริมาณความหนาแน่นของรถบนถนน ใช้ศึกษาหาแนวทางการแก้ปัญหาบนถนนราชดำริและต่อเนื่อง
2. กล้องตรวจจับแผ่นป้ายทะเบียนรถฝ่าไฟแดงและจอดในที่ห้าม แต่ยังมีจำนวนไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ไม่สามารถถ่ายภาพทะเบียนรถที่ทำผิดทุกคันได้ครบถ้วน และกล้องดูสภาพการจราจรที่มีจำนวนไม่เพียงพอที่จะตรวจจับการกระทำผิดของรถรับจ้างสาธารณะและรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่จอดในที่ห้ามจอดหรือกลับรถในที่ห้ามกลับรถ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มกล้องตรวจจับแผ่นป้ายทะเบียน (license plate) และกล้องสังเกตการณ์มุมสูง (over view) จึงดำเนินการติดตั้งกล้องเพิ่มอีกจำนวนวน 8 ตัว รวมเป็น 45 ตัว โดยเพิ่ม software ให้ประมวลผล AI ซึ่งจากเดิมมี 6 ตัว เป็น 27 ตัว เพื่อใช้ AI ตรวจจับทะเบียนรถที่ฝ่าฝืนจอดพร้อมเก็บใบหน้าผู้ขับขี่ และตรวจจับการฝ่าฝืนกลับรถ
โดยกล้องที่จะเพิ่มแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. กล้องจับป้ายทะเบียน จอดแช่ กลับรถ และ 2. กล้อง over view สังเกตการณ์ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประสานงานกับสำนักการโยธาเพื่อซ่อมแซม/เพิ่มไฟฟ้าแสงสว่าง จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้อง CCTV ให้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบูรณาการข้อมูลที่ได้จากระบบฯ ระหว่าง กทม. และตำรวจ เพื่อออกใบสั่งลงโทษผู้กระทำผิด
วัตถุประสงค์ของการเพิ่มกล้อง ประกอบด้วย 1. เพื่อตรวจจับรถที่กระทำผิดในพื้นที่ 2. เพื่อวิเคราะห์สภาพการจราจรและความหนาแน่นของรถในพื้นที่ 3. เพื่อนำภาพไปใช้ให้ตำรวจออกใบสั่ง 4. เพื่อให้ได้ข้อมูลของทะเบียนรถที่ทำผิดกฎหมายซ้ำซากในพื้นที่ ว่ามีจำนวนครั้งที่ทำผิด จำนวนใบสั่งที่ส่งไป และจำนวนครั้งที่ไปพบพนักงานสอบสวน 5. เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของรถรับจ้างที่เข้ามาในพื้นที่ว่าใช้เวลาอยู่ในพื้นที่นานเท่าไรในแต่ละวัน รวมถึงช่วงเวลาที่มักจะเข้ามาอยู่ในพื้นที่ และพฤติกรรมการใช้เส้นทางของการวิ่งและการวนรถ-กลับรถบนถนน
นอกจากนี้ จะมีการใช้กล้องติดตัวเจ้าหน้าที่ body worn camera ถ่ายภาพและวิดีโอ ทั้งภาพป้ายทะเบียนและภาพหลักฐานอื่น ๆ ประกอบการออกใบสั่ง และใช้ศึกษาพฤติกรรมของผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนกฎหมายของยานพาหนะทุกประเภท รวมถึงการกระทำผิดประเภทอื่น ๆ ที่อาจเกิดบนถนนตามโครงการราชประสงค์โมเดลอีกด้วย.