มาร์ค แมคครินเดิล นักอนาคตศาสตร์และนักวิจัยทางสังคมวิทยา ผู้เขียนหนังสือ “Generation Alpha” และมีส่วนทำให้คำเรียกชื่อเรียกคนรุ่นอัลฟาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพิ่งเผยแพร่ข้อเขียนในเว็บบล็อกของเขา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับกำหนดช่วงเวลาของคน 2 รุ่นล่าสุด ได้แก่ เจเนอเรชันอัลฟา ซึ่งหมายถึงคนที่เกิดในปีค.ศ. 2010 – 2024 และคนรุ่นใหม่ล่าสุดคือ เจเนอเรชัน “เบตา” (Beta)
ตามคำนิยามของแมคครินเดิล เด็กที่ถือกำเนิดตั้งแต่นาทีแรกของปีค.ศ. 2025 จนถึงนาทีสุดท้ายของปีค.ศ. 2039 คือคนในเจเนอเรชันเบตา ส่วนช่วงเวลาถือกำเนิดของคนในเจเนอเรชันอัลฟานั้นสิ้นสุดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
ตามข้อมูลที่แมคครินเดิลนำเสนอ จำนวนของคนรุ่นเบตาจะคิดเป็นสัดส่วนราว 16% ของประชากรโลกภายในปีค.ศ. 2035 และคนรุ่นนี้จำนวนมากจะมีชีวิตยืนนานจนได้อยู่ดูโลกเปลี่ยนผ่านไปยังศตวรรษที่ 22
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างเจเนอเรชันอัลฟาและเบตาคือความเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีของแต่ละรุ่น ในช่วงเริ่มต้นของเจเนอเรชันอัลฟาซึ่งก็คือช่วงปีค.ศ. 2010 ผลิตภัณฑ์อย่างไอแพดและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างอินสตาแกรมเพิ่งเปิดตัว เจเนอเรชันอัลฟาที่เกิดในช่วงหลังยังผ่านการหล่อหลอมชีวิตจากสถานการณ์โรค COVID-19 ระบาด และตอนนี้ เจเนอเรชันอัลฟาเป็นเจเนอเรชันที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว โดยมีคนรุ่นนี้จำนวนเกือบ 2,000 ล้านคนบนโลกที่เกิดระหว่างปีค.ศ. 2010 – 2024
สำหรับเจเนอเรชันเบตา คาดว่าคนรุ่นนี้จะผสานเทคโนโลยีเข้ากับชีวิตอย่างมากและจะเป็นคนรุ่นที่มีอยากรู้อยากเห็นมาก แมคครินเดิลกล่าวไว้ว่า “เจนฯ เบตา น่าจะเป็นรุ่นแรกที่จะได้สัมผัสระบบขนส่งมวลชนอัตโนมัติในสเกลใหญ่ อุปกรณ์เทคโนโลยีเกี่ยวกับสุขภาพที่สวมใส่ติดตัวได้ และสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่กลายเป็นมาตรฐานของชีวิตประจำวัน”
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบมากที่สุดต่อเจนเนอเรชันเบตาคือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและปัจจัยทางสังคมที่ต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญ ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและบรรทัดฐานทางสังคม
ด้านเจสัน ดอร์ซีย์ นักวิจัยเกี่ยวกับคนรุ่นต่าง ๆ และผู้เขียนหนังสือ “Zconomy: How Gen Z Will Change the Future of Business — and What to Do About It” อธิบายกับผู้สื่อข่าวจากเอ็นบีซีนิวส์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า คนรุ่นเบตาน่าจะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อช่วยแก้ปัญหาต่างๆ เป็นหลัก นอกจากนี้ พวกเขายังจะหมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีมากกว่าคนรุ่นก่อนๆ แม้กระทั่งคนรุ่นอัลฟาซึ่งถูกเรียกว่าเป็น “เด็กรุ่นที่เลี้ยงด้วยไอแพด”
ดอร์ซีย์ยังกล่าวว่า คนรุ่นเบตามีแนวโน้มที่จะมองว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่มีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตของพวกเขา และจะมองว่า คนเจนฯ วาย (มิลเลนเนียล) และเจนฯ ซี (Z) คือผู้นำที่ต้องรับมือกับปัญหานี้
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES