พระเทพวัชรสารบัณฑิต หรือ “เจ้าคุณประสาร” ผอ.ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพระพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศสพ.จชต.) กล่าวถึงกรณีที่เพจอ.เบียร์ คนตื่นธรรม ตอบคำถามกรณีพระเกจิอาจารย์ที่มรณภาพไปแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อย ทำนองว่าไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไร แม้แต่หมาก็ไม่เน่าเปื่อย ว่า ขณะนี้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ในเรื่องดังกล่าวตนได้มีการพูดคุยกันกับหลวงพี่น้ำฝน ลูกศิษย์หลวงพ่อพูล และพระอาจารย์อีกหลายรูปที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และตนในฐานะลูกศิษย์หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก ที่ร่างกายไม่เน่าเปื่อยนั้น รู้สึกตรงกันว่าคนสอนธรรมะ คนปฎิบัติธรรมอย่าง อ.เบียร์ ยังขาดคารวตา เป็นอย่างยิ่ง เพราะคารวตา หมายถึง ความเคารพ การถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะพึงใส่ใจและปฎิบัติด้วยความเอื้อเฟื้อหรือโดยความหนักแน่นจริงจัง การมองเห็นคุณค่าและความสำคัญและปฎิบัติต่อบุคคลนั้นหรือสิ่งนั้นอย่างถูกต้องด้วยความจริงใจ ดังนั้น ใครก็ตามที่แสดงตนเป็นคนสอนคนอื่น สอนธรรมะ หรือเป็นอาจารย์ หลักสำคัญต้องสอนตัวเองให้ได้เสียก่อนจึงจะสอนคนอื่นได้ ใน “คารวตา 6” นั้นพระพุทธองค์สอนให้เคารพใน พระศาสดา พระธรรม พระสงฆ์ การศึกษา ความไม่ประมาท และเคารพในปฎิสันถาร อยากให้ศึกษาเรียนรู้ และทำความเข้าใจให้ดี ปฎิบัติตามให้ได้ การพูดเอามัน สนุก แสวงหาคอนเทนต์โดยขาดคารวตานั้น อาจจะทำให้เป็นคนก้าวร้าว เกรี้ยวกราด แข็งกระด้าง ซึ่งองค์ธรรมกถึกและหลักคารวตานั้นไม่ได้สอนให้ปฎิบัติเช่นนี้เลย
“สำหรับอ.เบียร์ นั้น เคยพูดแล้วว่าเป็นเรื่องดีที่มีฆราวาสมาช่วยสอนธรรมะ มีอะไรที่เกินก็ปรับ อะไรที่ดีก็เดินหน้าต่อไป ไม่อยากเห็นชาวพุทธทะเลาะกันเอง ดังนั้น จึงอยากให้คิดพิจารณาไตร่ตรองให้ดี หลักมัชฌิมาปฎิปทาและสัมมาทิฎฐิ จะช่วยท่านได้ บ้านเมืองเราในเวลานี้มีปัญหาสังคมมากมาย การที่พุทธบริษัทช่วยกันเป็นภาระธุระ เอาใจใส่ในการศึกษาและเผยแผ่พระศาสนาเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญ แต่อาจารย์สอนธรรมทั้งหลาย ขออย่าได้เป็นชาล้นถ้วย ไม่ฟังใคร ยกตนข่มท่าน ทิ่มแทงคนอื่น ด้ามขวานถากอันอื่นได้หมด ยกเว้นถากด้ามตัวเอง” พระเทพวัชรสารบัณฑิต กล่าว