เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังลงพื้นที่แก้ปัญหาขอทานเด็กต่างด้าวพื้นที่อโศก-สุขุมวิท เขตวัฒนา ร่วมกับกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า เรื่องขอทานถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะขอทานเด็กต่างด้าว เพราะมีผลกระทบในหลายมิติทั้งคุณภาพเด็กที่ถูกทารุณกรรมข้ามประเทศ ไม่ได้รับการศึกษา ไร้สวัสดิภาพ ที่สำคัญมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ที่เหมือนชี้ว่าคนไทยยอมรับกับเรื่องนี้ได้ ซึ่งได้มีนโยบายให้เดินหน้าลุยเต็มที่ โดยร่วมกับ พม. ที่ผ่านมาทำงานร่วมกันตลอด เพราะตาม พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ. 2559 พม. จะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ส่วนกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

ทั้งนี้ จากการสอบถามขอทานที่เจ้าหน้าท่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ พบว่า ขอทานต่างด้าวส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติชายแดน มีนายหน้าพาเข้ามาหัวละ 4,000 บาท บางรายใช้วิธีการเป็นขอทานแม่ลูก มีรายได้ดีวันละเกือบ 1,000 บาท มีการพักอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มขอทาน แล้วออกมากระจายตัวขอทานในพื้นที่ต่างๆ 

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ต้นปี 2568 พบขอทานต่างด้าว 80 ราย เจ้าหน้าที่ดำเนินการกวดขันจับกุมและส่งกลับในประเทศต้นทาง นอกจากนี้ ยังมีการส่งขอทานเด็กตรวจดีเอ็นเอเพื่อสืบหาความสัมพันธ์ของขอทาน และหาผู้ปกครอง ซึ่งแม่บางคนมีลูกหลายคน และใช้ลูกมาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน จึงขอฝากประชาชนว่าอย่าให้เงินขอทาน อย่าคิดว่าการให้เงินเป็นการแก้ปัญหา แต่การให้เงินเป็นการสร้างปัญหาเพิ่ม กลายเป็นดึงดูดให้คนมาทำอาชีพขอทานอยู่เรื่อยๆ และเป็นปัญหาระยะยาว 

“วันนี้เราต้องประกาศให้โลกรู้แล้วว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่รับคนยากลำบากเข้ามาทำงานขอทาน เพราะผิดกฎหมาย จึงขอฝากให้ทุกหน่วยทำงานกันอย่างเอาจริงเอาจัง หากประชาชนรู้แหล่งของขอทานต่างด้าวให้แจ้งไปที่สำนักงานเขตทุกเขต และ Traffy Fondue ซึ่งขณะนี้พบแหล่งใหญ่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่สำโรง จ.สมุทรปราการ เขตวัฒนา บางกะปิ รามคำแหง หรือตามเส้นรถไฟฟ้า และขอแจ้งเตือนว่าหากผู้ให้ที่พักอาศัยกับขอทานต่างด้าว มีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว