เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ว่า จากการสำรวจจำนวนฉลามวาฬของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในปี 2560 ช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. พบฉลามวาฬฝั่งอ่าวไทยอย่างน้อยถึง 91 ตัว และอย่างน้อย 4 ตัว ที่ฝั่งอันดามัน ขณะที่ทางกลุ่มเอกชน ThaiWhale Sharks แจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่า ในปี 2563 ได้พบฉลามวาฬบริเวณเกาะเต่าถึง 280 ตัว ถือว่าเป็นจำนวนที่มากอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน

โดยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่าได้ประสานข้อมูลกับนายทัศพล กระจ่างดารา ผู้เชี่ยวชาญด้านปลากระเบนและฉลามของไทย กรมประมง ให้ข้อมูลว่า ฉลามวาฬเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งฉลามวาฬเป็นสัตว์ที่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร รวมถึงปลาขนาดเล็กที่รวมฝูง เช่น ปลากะตัก ปลาหลังเขียว จากการพบฉลามวาฬรอบเกาะเต่าจำนวนมาก คาดว่าน่าจะเกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหาร ซึ่งมีปลาเล็กรวมถึงแพลงก์ตอน ที่เป็นอาหารหลักของฉลามวาฬ จึงขอความร่วมมือชาวเกาะเต่าและผู้ประกอบธุรกิจดำน้ำให้ช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมให้มีความสมบูรณ์

ด้านนายเจริญสุข สุขผล ประธานชมรมประมงพื้นบ้านเกาะเต่า เล่าถึงผลสำเร็จว่า จากความร่วมมือในการทำซั้งหรือบ้านปลารอบเกาะเต่า ที่ภายในหนึ่งปีได้ช่วยกันทำซั้งได้เห็นความสมบูรณ์กลับคืนสู่ท้องทะเลเกาะเต่าอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เริ่มทำซั้งรอบเกาะ ก็พบลูกปลาหลังเขียวที่ไม่เคยเข้าก็เข้ามาอาศัย รวมถึงปลาฉิ้งฉ้างและปลาขนาดเล็กๆ ความสมบูรณ์นี้ทำให้ชาวประมงพบปลาทูน่าที่มีขนาด 6-7 กิโลกรัมบริเวณเกาะเต่า ทั้งนี้เพราะไม่พบปลาทูน่ารอบเกาะเต่ามานานหลายปีแล้ว

นางรำลึก กล่าวทิ้งท้ายว่า ความสมบูรณ์ที่ปรากฏในช่วงนี้ เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของชุมชนบนเกาะเต่าทุกภาคส่วนช่วยกันดูแลจัดการทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลเป็นอย่างดีและต่อเนื่อง และในวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสธรรมชาติใต้ทะเลเกาะเต่า พร้อมพบกับฉลามวาฬขนาดใหญ่ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน.