เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่กรมทรัพยากรธรณี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย พร้อมเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการและนิทรรศการ โดยมี นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ที่ปรึกษา รมว.ทรัพยากรฯ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ เลขานุการ รมว.ทรัพยากรฯ นายนริศ ขำนุรักษ์ คณะทำงาน รมว.ทรัพยากรฯ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ เข้าร่วมงาน ทั้งนี้มี นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีและคณะผู้บริหาร ร่วมให้การต้อนรับ

นายเฉลิมชัย เปิดเผยว่า จากข้อมูลเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยในรอบปี 2567 พบว่า ประเทศไทยเผชิญเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัย รวม 1,112 เหตุการณ์ แบ่งเป็น แผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก 160 เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยและใกล้เคียงตั้งแต่ 1 ม.ค. 67-3 ม.ค. 68 จำนวน  947 เหตุการณ์ ประกอบด้วยแผ่นดินไหวขนาดเล็กกว่า 3 จำนวน 534 เหตุการณ์ และขนาด 3-3.9 จำนวน 229 เหตุการณ์ (ส่วนใหญ่เกิดนอกประเทศไทย) สำหรับแผ่นดินไหวขนาด 4-4.9 จำนวน 176 เหตุการณ์ และแผ่นดินไหวขนาดมากกว่า 5 จำนวน 8 เหตุการณ์ เกิดนอกประเทศไทย และหลุมยุบรวม 5 เหตุการณ์ 

นายเฉลิมชัย กล่าวว่า จากการสำรวจล่าสุดพบว่า ประเทศไทยมีพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินถล่มระดับสูงมากถึงปานกลาง ครอบคลุมพื้นที่ 54 จังหวัด 463 อำเภอ 1,984 ตำบล 15,559 หมู่บ้าน คิดเป็นพื้นที่เสี่ยงรวม 142,067 ตร.กม. (84.8 ล้านไร่) หรือประมาณร้อยละ 25 ของพื้นที่ประเทศไทย โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2567 ครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรฯ นำแผนที่พื้นที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มของประเทศไทย ไปใช้ประกอบการเตรียมความพร้อม ป้องกัน เฝ้าระวังและเตือนภัยในพื้นที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว

นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จะมีการติดตั้งเครื่องตรวจติดตามการเคลื่อนตัวของมวลดินในพื้นที่เสี่ยง รวม 600 สถานี ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2570 โดยเป็นงบต่อเนื่องตามปีงบประมาณ จำนวน 400 ล้านบาท โดยปีที่ผ่านมา เรามีบทเรียนจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก เหตุดินถล่มที่ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เราจะนำไปเป็นบทเรียน เพื่อลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และได้อบหมายกรมทรัพยากรธรณี ดำเนินการลดผลกระทบธรณีพิบัติต่อประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านนายพิชิต กล่าวว่า ในปี 2568 กรมธรณีจะเร่งติดตั้งเครื่องตรวจติดตามการเคลื่อนตัวของมวลดินเพิ่มอีกกว่า 140 สถานี ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงธรณีพิบัติภัยแผ่นดินถล่ม ในจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนติดตั้งรวม 600 สถานีทั่วประเทศ พร้อมเสริมสร้างขีดความสามารถในการรับมือและลดความเสี่ยงจากธรณีพิบัติภัยแก่ชุมชนอย่างต่อเนื่อง.