เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวตำรวจใช้ชื่อ “จ่าเชิด” ก่อเหตุใช้อาวุธปืนบุกพังบ้าน ข่มขู่ และใช้กำลังทำร้ายอดีตแฟน รวมถึงบุคคลในบ้าน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมเกี่ยวกับการกระทำของตำรวจรายดังกล่าวว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้สั่งตรวจสอบเบื้องต้นทันที พบว่าผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง คือ ด.ต.เชิด สงวนศักดิ์ ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม สภ.เมืองชุมพร

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ต.ค. เวลาประมาณ 01.30 น. จ่าเชิดได้บุกไปทุบทำลายร้านกาแฟบริเวณติดกับปั๊มน้ำมัน ริมถนนสายเอเซีย ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร จนได้รับความเสียหาย และมีบุคคลที่เป็นเจ้าของบ้านซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุถูกทำร้ายด้วย ส่วนอดีตแฟนทราบว่าวิ่งหลบหนีไปอยู่ในครัวแต่ถูก ด.ต.เชิด ตามไปทุบตีอย่างทารุณจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีคลิปที่ถูกบันทึกในวงจรปิดปรากฏภาพเสียงอย่างชัดเจน โดยผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง ชุมพร แต่พบว่ายังไม่มีการดำเนินการทางวินัยแต่อย่างใด

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวอีกว่า ได้รายงานให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ทราบ ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งการให้ดำเนินการด้วยความเด็ดขาด ซึ่งตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิฬุรห์ สุวรรณวงศ์ ผบก.จว.ชุมพร รีบดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัย พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงห้ามเกิน 3 วัน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่ปรากฏให้เรียบร้อย และสามารถตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง รวมถึงสั่งพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนตาม กฏ ก.ตร.ได้ทันที และเรื่องนี้ ผบ.ตร. เพิ่งสั่งกำชับในที่ประชุมบริหาร ตร.ไป เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า กรณีที่ตำรวจกระทำผิดความผิดลหุโทษในทางอาญา ก็ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรงได้ โดยเฉพาะหากปรากฏชัดว่าเป็นการกระทำโดยเจตนา จนเสียเกียรติต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และทำให้สังคมสูญเสียความรู้สึกและความเชื่อมั่นต่อความเป็นตำรวจ ก็สามารถใช้กฎ ก.ตร สั่งพักราชการ หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้เลย เช่นเดียวกับกรณี สารวัตรที่ใช้อาวุธปืนข่มขู่และทำร้ายประชาชนที่กำแพงเพชร

“ได้สั่งการให้ใช้ความเด็ดขาดกับตำรวจที่กระทำผิดวินัย และสามารถตอบสังคมได้ด้วยความรวดเร็ว โปร่งใสและเป็นธรรม โดยไม่มีการช่วยเหลือตำรวจที่ประพฤติชั่วเด็ดขาดเพราะเป็นการทำร้ายองค์กรและทำลายขวัญตำรวจดีๆ ที่เหลืออีกจำนวนมาก ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ จเรตำรวจ รีบลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานไปพร้อมกันด้วยแล้วอีกส่วนหนึ่ง” พล.ต.อ.วิสนุ กล่าว